หน้าหมองคล้ำ
ผิวหน้าหมองคล้ำ สร้างความกังวลใจให้กับหลายคนครับ เพราะทำให้ใบหน้าดูไม่มีราศี ไม่สดใส ผิวหมอง หากมองดูรวม ๆ ทำให้รู้สึกว่าหน้าโทรมได้ครับ การที่หน้าหมองคล้ำเกิดจากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่แล้ว มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นหลัก
ในบทความนี้หมอจะสรุปสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ พร้อมแนะนำวิธีแก้เมื่อหน้าหมองคล้ำ แบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน ให้ได้ทราบกัน ติดตามกันได้ผ่านบทความนี้ครับ
คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับหน้าหมองคล้ำ
สาเหตุ หน้าหมองคล้ำ เกิดจากอะไร ?
สาเหตุหลักที่ทำให้หน้าหมองคล้ำโทรม ส่วนใหญ่จะมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันครับ ซึ่งเป็นการทำลายผิวแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยหมอได้สรุปสาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ ไว้ดังนี้
ความเครียด
เวลาที่เราเครียด ร่างกายจะหลังฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาครับ จึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้ามันได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำไม่มีราศี และเพิ่มโอกาสการเกิดสิวประเภทต่าง ๆ เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ
ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ และจำเป็นสำหรับร่างกายครับ การดื่มน้ำน้อยเกินไป ร่างกายจะมีภาวะขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ไม่มีความชุ่มชื้นในผิว ผิวมีรอยเหี่ยวย่น ทำให้ดูหน้าโทรมหมองคล้ำเพิ่มขึ้น จนทำให้บางคนรู้สึกว่ามีผิวหน้าที่แก่ก่อนวัยอันควร
นอนดึก / นอนไม่เป็นเวลา
การนอนหลับมีความสัมพันธ์กับการผลิตฮอร์โมนในร่างกาย หากนอนไม่เป็นเวลา นอนดึก หรือนอนหลับแบบไม่ได้คุณภาพ ปริมาณฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ก็จะน้อยลง ทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น
ส่งผลให้นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) แย่ลงตามไปด้วย เมื่อนอนไม่พอแต่ยังต้องตื่นเช้า ก็จะส่งผลให้หน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส และยังเป็นต้นตอของการเกิดปัญหาผิวอย่างสิวอีกเช่นกันครับ
ไม่ทานผักหรือผลไม้
การทานผักและผลไม้เป็นประจำ จะช่วยบำรุงผิวของเราได้ เช่น ผลไม้บางประเภท จะมีวิตามินซีอยู่มากครับ ซึ่งวิตามันซีจะช่วยให้ผิวหน้าหมองคล้ำแลดูกระจ่างใสขึ้น
นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอย รวมถึงชะลอวัยอีกด้วยครับ
การสูบบุหรี่
สารในควันบุหรี่อย่างคาร์บอนมอนอกไซด์ และทาร์ จะส่งผลต่อระบบหมุนเวียนเลือด ทำให้มีอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น หากได้รับสารเหล่านี้สะสมติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้การผลิตเม็ดเลือดในร่างกายแย่ลง ไม่สามารถผลักวิตามินไปสู่ผิวได้
ส่งผลให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานได้ไม่ดี จนทำให้หน้าหมองคล้ำไม่มีออร่า คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย หน้าโทรม รวมถึงมีผิวที่หยาบกร้านครับ
มลภาวะในแต่ละวัน
มลภาวะที่เราเจอในแต่ละวัน เช่น ฝุ่น PM 2.5 ควันท่อรถ ควันจากโรงงาน ฯลฯ จะทำให้เกราะความชุ่มชื้นของผิวเราลดลง รวมถึงสารที่มีอนุภาคขนาดเล็กยังสามารถเข้าสู่ชั้นผิวเราได้
ทำให้เซลล์ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง จนอาจจะนำไปสู่การเกิดปัญหาหน้าคล้ำหมอง หรือปัญหาอื่น ๆ เช่น หน้ามัน มีผิวแพ้ง่าย การเกิดริ้วรอย ฯลฯ
สภาพอากาศ
สภาพอากาศที่ร้อน จะทำให้ในแสงแดดมีรังสี UV เป็นจำนวนมาก ซึ่งรังสี UVA และ UVB เป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้หน้าหมองคล้ำจากแดด รวมถึงเป็นต้นตอของการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ
เช่น ผิวไหม้แดด ฝ้า กระ จุดด่างดำ ฯลฯ ส่วนอากาศที่หนาวเย็นเกินไป จะส่งผลให้ผิวเราขาดความชุ่มชื้น มีผิวแห้ง ลอก แตก เป็นขุย จนในที่สุดปัญหาผิวหมองคล้ำก็ตามมาครับ
คลิกอ่านเพิ่มเติม : 8 วิธีแก้ ทากันแดดแล้วเป็นขุย เป็นคราบ พร้อมแนวทางเลือกกันแดด ไม่ให้ทิ้งคราบกวนใจ
ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การไม่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จะทำให้ผิวขาดความสมดุลได้ครับ เช่น ขาดความชุ่มชื้น เกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง ผิวหน้าแห้ง
ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำไม่กระจ่างใส แถมยังทำให้หน้าดูโทรม ดูมีอายุเพิ่มขึ้นครับ
ไม่ทาครีมกันแดด
การไม่ทากันแดดผิวหน้าและผิวกาย เป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้ ผิวหน้าและผิวกายหมองคล้ำได้บ่อยสุดครับ
เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด อย่างรังสี UVA และ UVB สามารถทำร้ายผิวเราได้ในแบบที่คาดไม่ถึง และยังเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา เช่น ฝ้าแดด กระแดด จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย ภาวะผิวไหม้แดด ที่สำคัญยังเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังครับ
การไม่ผลัดเซลล์ผิว
โดยทั่วไปแล้วจะมีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วทุก ๆ 28 วัน แต่หากกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเกิดความผิดปกติ ก็จะทำให้มีเซลล์ผิวหนังที่ตายสะสมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ หรือมีสีผิวไม่สม่ำเสมอได้ครับ เพราะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซึมผ่านได้ไม่เต็มที่
เมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น
พอเราเริ่มมีอายุมากขึ้น ผิวจะผลิตคอลลาเจนเองได้ลดลงครับ เมื่อขาดคอลลาเจนจะทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำได้ง่าย มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ผิวชุ่มชื้นน้อยลง เรียกได้ว่าเป็นไปตามธรรมชาติของช่วงวัยครับ
วิธีแก้หน้าหมองคล้ำ ทำอย่างไร ?
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
โดยปกติแล้วเมลาโทนินจะเริ่มหลั่งเวลาประมาณ 21.00 น. แล้วจะอยู่ในกระแสเลือดเป็นเวลา 12 ชั่วโมง จากนั้นระดับเมลาโทนินจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
การเข้านอนก่อนเวลา 4 ทุ่มแล้วตื่นในช่วงเช้า จะช่วยให้การนอนมีคุณภาพ ส่งผลดีต่อผิวพรรณ ทำให้ลดปัญหาผิวหมองคล้ำจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
2. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวัน
ในระหว่างวันเราควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยควรดื่มน้ำ 1 ลิตร / วัน เพื่อรักษาสมดุลให้กับระบบต่าง ๆ ในร่างกาย นอกจากนี้การดื่มน้ำยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูนุ่ม เด้ง อิ่มฟู ไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำได้ครับ
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นการขับของเสียให้ออกมาพร้อมกับเหงื่อ มีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้น ลดความหมองคล้ำ แถมยังสุขภาพแข็งแรงอีกด้วยครับ
4. สครับผิว ผลัดเซลล์ผิว
การสครับผิว เป็นการช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ช่วยให้ผิวหมองคล้ำแลดูกระจ่างใสขึ้น สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยให้เวลาที่เราบำรุงผิว ตัวเนื้อครีมจะซึมลงเข้าผิวได้ดีกว่า
แต่ว่าการสครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิว ไม่ควรทำบ่อยเกินไป สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถือว่าเพียงพอแล้วครับ
เพราะหากสครับผิวบ่อยเกินไปจะเป็นการทำร้ายผิว และหลังจากสครับผิวแล้ว อย่าลืมทามอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อป้องกันผิวแห้งทุกครั้งเสมอ
5. ทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำ
ในระหว่างวัน ผิวหน้าเราเผชิญแสงแดด และมลภาวะมาอย่างหลากหลาย การทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยคลีนซิ่งและคลีนเซอร์จึงมีความจำเป็น เพราะจะช่วยลดสิ่งอุดตันในรูขุมขน ลดความมันบนใบหน้า รวมถึงป้องกันการเกิดหน้าหมองคล้ำจากมลภาวะ
6. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
ในชีวิตประจำวันเราควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ปรับผิวหมองคล้ำให้ดูกระจ่างใส
โดยผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะมีคุณสมบัติในการปรับผิวที่แตกต่างกัน เช่น หากต้องการฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากวิตามิน E หรือ AHA ซึ่งเราควรบำรุงผิวหน้าเป็นประจำทั้งช่วงเช้าและเย็นครับ
7. ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
รังสี UVA และ UVB ในแสงแดด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำครับ คนไข้หมอส่วนใหญ่ที่มีปัญหาผิวมักจะไม่ค่อยทากันแดดสักเท่าไหร่
เพื่อลดโอกาสการเกิดหน้าหมองคล้ำ หมอแนะนำว่าให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้อยู่บ้านก็ควรทาครับ
โดยเลือกกันแดดที่มีค่า SPF 30+ ขึ้นไป และมีค่า PA ++ ขึ้นไป ซึ่งควรทากันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที หรือตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์กันแดด และเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า ก็ควรทากันแดดซ้ำระหว่างวันทุก 2-3 ชั่วโมง
ครีมกันแดดผิวหน้า
DR. V SQUARE UV ABC SUNSCREEN CREAM SPF 40 PA+++
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream กันแดดผิวหน้า Triple Protection ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดถึง 3 ขั้นตอนในเนื้อเดียว จากประเทศเยอรมัน ป้องกันการสะท้อน การกระเจิง และการดูดซับ ได้อย่างครบครัน
มาพร้อมค่า SPF 40 และ ค่า PA+++ ปกป้องผิวจากรังสี UVA UVB แสงสีฟ้า และอินฟราเรดได้ครอบคลุม ทาแล้วพร้อมลุยแดดได้ทันที ทาซ้ำระหว่างวันเพื่อป้องกันหน้าหมองคล้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง โดยทางหมอ Dr. V Square ได้พัฒนาสูตรให้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวครับ
8. ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เพื่อปกป้องผิวหมองคล้ำ เราควรทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงทานผักและผลไม้เป็นประจำ เพราะในผักและผลไม้เป็นแหล่งวิตามินซีชั้นดีครับ
เช่น ส้ม มะละกอ ฝรั่ง คะน้า ปวยเล้ง ฯลฯ เพราะวิตามินซีจะช่วยปรับผิวหมองคล้ำ ให้แลดูกระจ่างใสเพิ่มขึ้นครับ
9. ฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส (Mesotheraphy) เป็นการฉีดเติมวิตามินและสารสกัดเข้าสู่ผิวโดยตรง ช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส ขับสารพิษที่สะสม ลดการอักเสบ พร้อมทั้งทำให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรงมากขึ้น
เพราะการทาครีมบำรุงให้ผลลัพธ์ค่อนข้างช้าครับ การฉีดเมโสหน้าใสจึงเป็นอีกทางเลือกอันดับต้น ๆ ของคนที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำได้ดีกว่า
10. เลเซอร์ลอกผิวหน้า
การเลเซอร์ลอกผิวหน้า (Laser Resurfacing) เป็นการใช้แสงเลเซอร์ลอกผิวหน้า เพื่อกระตุ้นการเกิดเนื้อเยื่อผิวใหม่
ซึ่งทำให้เส้นใยคอลลาเจนในผิวหนังเกิดการย่อตัว ส่งผลให้ผิวเต่งตึงขึ้น ลดการเกิดริ้วรอย รวมถึงปัญหาผิวหมองคล้ำ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหน้าแลดูเรียบเนียน และดูสดใสเพิ่มขึ้น
หน้าหมองคล้ำ ต้องใช้อะไร ? ถึงจะช่วยฟื้นฟูผิวได้
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ควรใช้เพื่อฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ มีดังนี้
- คลีนซิ่ง ใช้สำหรับทำความสะอาดผิวหน้าก่อนล้างหน้า
- คลีนเซอร์ล้างหน้า เช่น โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า โดยใช้ทำความสะอาดน้ำเช้า-เย็น
- มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
- ครีมกันแดดหน้า ที่มีค่า SPF 30+ ขึ้นไป และมีค่า PA++ ขึ้นไป
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนผสมพื้นฐาน เช่น Vitamin C, AHA
ส่วนใครที่ต้องการฟื้นฟูหน้าหมองคล้ำแบบเร่งด่วน หมอแนะนำว่าการทำหัตถการ เช่น การฉีดเมโสหน้าใส หรือ การเลเซอร์ลอกผิวหน้า จะเห็นผลลัพธ์ที่เร็วกว่าการฟื้นฟูหน้าหมองคล้ำแบบธรรมชาติ ด้วยการทาครีมบำรุงผิวครับ
วิธีป้องกันหน้าหมองคล้ำระหว่างวัน
การป้องกันผิวหน้าหมองคล้ำระหว่างวัน มีดังนี้ครับ
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 15-30 นาที โดยเลือกกันแดดค่า SPF 30+ ขึ้นไป และมีค่า PA++ ขึ้นไป
- ทากันแดดซ้ำระหว่างวัน ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดด
- สวมใส่อุปกรณ์กันแดด เมื่อต้องเผชิญแสงแดดจัด เช่น กางร่ม แว่นกันแดด เสื้อคลุม หรือสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ รวมถึงชุดที่มีเนื้อผ้าหนา
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ช่วงเวลา 09.00 น. – 16.00 น. เพราะมีความเข้มข้นของแสง UVA และ UVB สูงครับ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะผิวขาดน้ำ ลดการเกิดปัญหาผิวแห้ง ที่เป็นอีกปัจจัยในการเกิดผิวหน้าหมองคล้ำ
- ทานผักและผลไม้เสมอ เพราะวิตามินบำรุงผิวตามธรรมชาติ จะอยู่ในผักและผลไม้เป็นส่วนใหญ่
ผิวหมองคล้ำ ขาดวิตามินอะไร ? ควรกินอะไรดี เพื่อบำรุงผิว ?
เมื่อมีผิวหมองคล้ำ วิตามินหลักที่ร่างกายควรได้รับเพิ่ม มี 3 ตัวด้วยกันครับ คือ
- วิตามิน C ช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใส ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอย ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิว เสริมสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการไหลเวียนเลือดของผิว มักจะพบวิตามินซีมากในผักและผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี บรอกโคลี คะน้า ฯลฯ
- วิตามิน E ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือดริ้วรอย จุดด่างดำ ปกป้องผิวจากมลภาวะ และแสงแดด อาหารที่มีวิตามินอี เช่น กีวี มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก เฮเซลนัท ฯลฯ
- วิตามิน B รวม ช่วยป้องกันผิวลอก ผิวเป็นขุย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมทั้งเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว ตัวอย่างอาหารเช่น แซลมอน ไข่ ตับ เนื้อหมู เนื้อวัว ฯลฯ
สรุปเรื่องผิวหน้าหมองคล้ำ
ผิวหน้าหมองคล้ำ ส่วนใหญ่จะเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นหลักครับ ซึ่งวิธีแก้หน้าหมองคล้ำสามารถทำตามได้หลายวิธี
โดยการมีวินัยในการดูแลตัวเอง เช่น นอนไม่ดึก ดื่มน้ำให้เพียงพอ หมั่นทาครีมบำรุงผิว ทากันแดดเป็นประจำ ก็จะช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้ค่อย ๆ กลับมากระจ่างใส และเรียบเนียนอีกครั้งได้ เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาสักพัก กว่าปัญหาหน้าหมองคล้ำจะค่อย ๆ ดีขึ้นครับ