
Skincare Routine
Skincare Routine เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและดูสุขภาพดีครับ เพราะผิวของเราต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ มากมายในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน แสงแดด หรือมลภาวะต่าง ๆ ถ้าเราไม่ดูแลผิวให้ดี อาจทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาได้ เช่น สิว ผิวแห้งขาดน้ำ หรือริ้วรอยก่อนวัย
ในบทความนี้ หมอจะมาอธิบายว่า Skincare Routine คืออะไร ? เหมาะกับผิวแบบไหน ? และมีขั้นตอนอะไรบ้าง ? เพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลผิวได้ถูกต้อง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเองครับ
คลิกอ่านหัวข้อ Skincare Routine
Skincare Routine คืออะไร ?
Skincare Routine คือ ขั้นตอนการดูแลผิวในแต่ละวัน ตั้งแต่การทำความสะอาด การบำรุงผิว การเติมความชุ่มชื้น ไปจนถึงการปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ลดปัญหาผิวเสีย และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยครับ

หลายคนอาจคิดว่าการดูแลผิวต้องใช้ผลิตภัณฑ์หลายขั้นตอนถึงจะเห็นผล แต่จริง ๆ แล้ว Skincare Routine ที่ดีไม่จำเป็นต้องซับซ้อนมากครับ แค่เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว และทำอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้แล้ว
Skincare Routine เหมาะกับผิวแบบไหน ?
สกินแคร์รูทีนเหมาะกับทุกสภาพผิวครับ ไม่ว่าจะมีผิวแบบไหนก็สามารถดูแลผิวได้ เพียงแต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง เพราะแต่ละประเภทของผิวมีความต้องการที่แตกต่างกัน
- ผิวมัน → คนที่มีผิวมันมักเผชิญปัญหาหน้ามันเยิ้ม รูขุมขนกว้าง และอาจเกิดสิวได้ง่าย เนื่องจากต่อมไขมันใต้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ สกินแคร์รูทีนที่เหมาะกับผิวมัน ควรเน้นการควบคุมความมัน แต่ยังคงความชุ่มชื้นให้ผิว
- ผิวผสม → ผิวผสมคือผิวที่มีความมันบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก) แต่มีผิวแห้งบริเวณ U-Zone (แก้ม คาง) Skincare Routine สำหรับผิวผสมต้องบาลานซ์ทั้งการควบคุมความมันและเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- ผิวแห้ง → คนที่มีผิวแห้งมักรู้สึกว่าผิวตึง ลอกเป็นขุย และบางครั้งอาจมีอาการระคายเคืองง่าย เนื่องจากผิวผลิตน้ำมันตามธรรมชาติน้อยกว่าปกติ สกินแคร์รูทีนสำหรับผิวแห้งจึงต้องเน้นเติมความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ
- ผิวเป็นสิว / ผิวแพ้ง่าย → ผิวประเภทนี้มักมีแนวโน้มไวต่อสิ่งกระตุ้น และอาจเกิดสิวหรือระคายเคืองได้ง่าย สกินแคร์รูทีนสำหรับผิวเป็นสิวหรือแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ลดการอักเสบ และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
หากเลือก Skincare Routine ได้เหมาะกับสภาพผิว จะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดปัญหาผิว และทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นในระยะยาวครับ
Skincare Routine มีอะไรบ้าง ?
Skincare Routine จะเริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิวไปจนถึงการปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งลำดับของการใช้ผลิตภัณฑ์มีผลต่อประสิทธิภาพของสกินแคร์ครับ แต่ละขั้นตอนมีหน้าที่แตกต่างกัน โดยเรียงลำดับดังนี้

- Cleansing (ตอนเย็น) : เช็ดล้างเครื่องสำอาง ความมัน และสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว
- Cleanser : ล้างทำความสะอาดผิว ขจัดสิ่งสกปรก ความมันส่วนเกินบนใบหน้าและรูขุมขน
- Toner : ปรับสมดุลผิวหลังล้างหน้า เตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง
- Essence : เติมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มนวล พร้อมเปิดรับสารบำรุงที่เข้มข้นขึ้น
- Serum : ฟื้นฟูบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก แก้ปัญหาผิวหน้าต่าง ๆ
- Moisturizer : เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ
- Eye Cream : ลดริ้วรอย ถุงใต้ตา รอยคล้ำ และบำรุงผิวรอบดวงตา
- Sleeping Mask (ตอนเย็น) : เพิ่มความชุ่มชื้นข้ามคืน สำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก
- Sunscreen (ตอนเช้า) : ป้องกันผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV ในแสงแดด
อย่างไรก็ตาม สกินแคร์รูทีนไม่จำเป็นต้องใช้ทุกตัวให้ครบเสมอไป ขอแค่มี Skincare Routine พื้นฐาน ดังนี้
- Cleanser เพื่อล้างสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินออกจากผิว
- Moisturizer เพื่อเติมความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้ง
- Serum ที่ช่วยแก้ปัญหาผิว
- Sunscreen เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยและความหมองคล้ำ
แค่ 4 ขั้นตอนนี้ก็เพียงพอสำหรับการดูแลผิวพื้นฐานแล้วครับ
ขั้นตอน Skincare Routine ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว
อย่างที่หมอได้กล่าวไป Skincare Routine ไม่จำเป็นต้องมีหลายขั้นตอนหรือใช้สกินแคร์ให้ครบทุกตัว ขอแค่มี 4 ขั้นตอนพื้นฐาน ก็เพียงพอสำหรับการดูแลผิวให้กระจ่างใส แข็งแรงสุขภาพดีแล้วครับ
ซึ่งทั้ง Skincare Routine ตอนเช้า และตอนกลางคืน (Night Routine) สามารถใช้ลำดับการดูแลผิวที่คล้ายกันได้ครับ แนะนำให้ทำตาม 4 ขั้นตอนการลงสกินแคร์รูทีน ดังต่อไปนี้
1. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว

ขั้นตอนแรกคือ การทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจดครับ ในช่วงเย็นหากมีการแต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดมาตลอดทั้งวัน ควรใช้ Cleansing เพื่อเช็ดเครื่องสำอาง ความมัน และสิ่งสกปรกออกก่อน
จากนั้นใช้ Cleanser หรือโฟมล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อชะล้างสิ่งตกค้างออกให้หมด ซึ่งในตอนเช้า ใช้แค่โฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียวได้ครับ เพราะตอนกลางคืนผิวไม่ได้เจอสิ่งสกปรกมากนัก แค่ขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งตกค้างจากสกินแคร์ก็สะอาดเพียงพอครับ
ซอฟต์ คลีนซิ่ง มูส
Dr. V Square Soft Cleansing Mousse

สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับทุกสภาพผิว หมอขอแนะนำ Dr. V Square Soft Cleansing Mousse ครับ เป็นโฟมล้างหน้าที่มีเนื้อมูสนุ่มละเอียด ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
ด้วยสารสกัดจาก Japanese Plum Extract และข้าวสาลี ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงให้กับผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือเป็นสิวง่าย ใช้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวหน้าสะอาด ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีขึ้นครับ
2. ใช้เซรั่มบำรุงผิว

หลังจากทำความสะอาดผิวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการบำรุงด้วยเซรั่ม (Serum) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารบำรุงเข้มข้น ผ่านการวิจัยแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวดูสุขภาพดี กระจ่างใส ลดริ้วรอยและจุดด่างดำครับ
เมราลิส เซรั่ม
Dr. V Square Melaris Serum

หากมีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ Dr. V Square Melaris Serum เป็นตัวช่วยที่น่าสนใจครับ ด้วยเทคโนโลยี Niosomal Encapsulation ที่ช่วยให้สารบำรุงซึมลึกและออกฤทธิ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 332% ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น พร้อมช่วยให้ฝ้า กระ และรอยดำจางลงภายใน 7-14 วัน
เซรั่มของ Dr. V Square มีความอ่อนโยน ไม่มีสารอันตราย ไม่ก่อให้เกิดสิว ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ ใช้เป็นประจำเช้า-เย็น จะช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดี กระจ่างใส และสีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นครับ
3. ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ / ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) เป็นขั้นตอนสำคัญใน Skincare Routine ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และดูสุขภาพดี ไม่ว่าจะมีผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ผิวทุกประเภทล้วนต้องการความชุ่มชื้นครับ หากขาดความชุ่มชื้น อาจทำให้ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย หรือเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
มอยส์เจอไรเซอร์ยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ลดการระคายเคือง และป้องกันปัญหาผิวจากมลภาวะ การใช้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เรียบเนียน และแข็งแรงขึ้น
ไฮยา บูสท์ ครีม
Dr. V Square Hya-Boost Cream

หมอขอแนะนำ Dr. V Square Hya-Boost Cream ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและคืนความชุ่มชื้น ด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติ 7 ชนิด สูตรเฉพาะจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งผ่านการทดสอบจากประเทศเกาหลี พร้อมด้วยสารสกัดจากข้าวสาลี ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และเสริมเกราะป้องกันผิว
เนื้อครีมอ่อนโยน ไม่มีสเตียรอยด์ ไม่มีน้ำหอม เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวที่ระคายเคืองง่ายหรือมีแนวโน้มเป็นสิว ควรใช้เป็นประจำ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น แลดูสุขภาพดีครับ
4. ใช้ครีมกันแดดปกป้องผิว

ครีมกันแดด (Sunscreen) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ขาดไม่ได้ใน Skincare Routine ตอนเช้าครับ เพราะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอย ฝ้า กระ และผิวหน้าหมองคล้ำ ควรใช้เป็นประจำทุกเช้าด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสม จะสามารถป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
ในตอนกลางคืน ผู้ที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน สามารถใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันแสงสีฟ้าได้ แต่หากเตรียมจะเข้านอนแล้ว ครีมกันแดดก็ไม่จำเป็นต้องทาครับ
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ทากันแดดตอนกลางคืนได้ไหม ? จำเป็นต้องปกป้องผิวก่อนนอนหรือไม่ ?
ยูวี เอ-บี-ซี ซันสกรีน ครีม
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream

สำหรับครีมกันแดดที่ปกป้องผิวได้ครอบคลุม Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream เป็นครีมกันแดดที่หมอแนะนำครับ ด้วยเทคโนโลยี 3 กระบวนการปกป้องผิว ทั้งสะท้อน (Reflection) กระเจิง (Scattering) และดูดซับรังสี (Absorption) ทำให้สามารถป้องกันรังสี UVA, UVB, UVC รวมถึงแสงสีฟ้า (Blue Light) และอินฟราเรด (Infrared) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และยังกันน้ำ กันเหงื่อ ได้ยาวนาน 4-6 ชั่วโมง เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย เพราะปราศจากสารอันตรายและไม่ก่อให้เกิดสิว ใช้เป็นประจำทุกเช้า จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะได้อย่างมั่นใจครับ
การมีสกินแคร์รูทีนที่เหมาะสม ส่งผลดีต่อผิวอย่างไร ?
การดูแลผิวด้วย Skincare Routine อย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ ไม่ได้ช่วยแค่ให้ผิวดูดีขึ้นเท่านั้นนะครับ แต่ยังช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดปัญหาผิวในระยะยาวด้วย ถ้าผิวได้รับการดูแลที่ถูกต้องก็จะส่งผลดีหลายอย่าง เช่น

- ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น : ผิวของเรามีเกราะป้องกันตามธรรมชาติ ถ้าดูแลดี ก็จะช่วยลดการแพ้ ระคายเคือง และทำให้ผิวทนต่อมลภาวะได้ดีขึ้น
- ลดปัญหาผิวต่าง ๆ : ไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือริ้วรอย การใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันและฟื้นฟูปัญหาผิวได้
- ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี : ผิวที่ได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอจะดูอิ่มน้ำ สดใส และมีความยืดหยุ่น ลดความแห้งกร้านและลดโอกาสเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ช่วยให้แต่งหน้าติดทนขึ้น : ผิวที่ได้รับการบำรุงอย่างดีจะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นคราบหรือลอกเป็นขุย
- เพิ่มความมั่นใจ : เมื่อผิวดูสุขภาพดี ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้มากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับปัญหาผิว
แนวทางการดูแลผิวเพิ่มเติม ลดการเกิดปัญหาผิว
นอกจากการใช้ Skincare Routine ที่เหมาะสมแล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีผลต่อสุขภาพผิวด้วยเช่นกันครับ หากอยากให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดี หมอแนะนำว่าควรดูแลตัวเองโดยปรับพฤติกรรมควบคู่ไปกับการบำรุงผิว ดังนี้
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ผิวจะซ่อมแซมตัวเองตอนเราหลับ ถ้านอนน้อย ผิวอาจดูโทรม หมองคล้ำ และมีริ้วรอยได้ ควรนอนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมงครับ
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะน้ำช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน ผิวจะแห้งหรือนุ่มชุ่มชื้นก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ดื่มด้วยครับ
- เลี่ยงแสงแดดและมลภาวะ แดดแรง ๆ และฝุ่นควันเป็นตัวการทำร้ายผิว ทำให้เกิดฝ้า กระ และริ้วรอย ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- กินอาหารที่มีประโยชน์ ผักผลไม้ที่มีวิตามิน A, C, E และไขมันดีจากปลา ถั่ว อะโวคาโด ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีความยืดหยุ่น
- ลดการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ มืออาจมีเชื้อโรคและแบคทีเรีย หากสัมผัสหน้าบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดสิวและการระคายเคืองผิวได้ครับ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ผิวดูเปล่งปลั่ง และช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
- ลดความเครียด ความเครียดมีผลต่อฮอร์โมน ทำให้เกิดสิว ผิวหมองคล้ำ หรือหน้าโทรมได้ ควรหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือ
คลิกอ่านเพิ่มเติม : บอกลาหน้าโทรม หมองคล้ำ ด้วย 18 วิธีกู้ผิวโทรม คืนความสดใสให้ใบหน้า
สรุป Skincare Routine ลำดับขั้นตอนการดูแลผิว
การมี Skincare Routine ที่เหมาะสมกับตัวเอง เป็นพื้นฐานของผิวสุขภาพดีครับ ไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์หลายขั้นตอน แค่ล้างหน้าให้สะอาด ใช้เซรั่มบำรุงผิว ทามอยส์เจอไรเซอร์ และทาครีมกันแดดก่อนออกไปข้างนอก ก็เพียงพอแล้วครับ
อย่าลืมทำตามสกินแคร์รูทีนนี้เป็นประจำสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการดูแลผิวในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนอย่างเหมาะสม จะช่วยให้มีผิวที่แข็งแรง ชุ่มชื้น กระจ่างใส และดูอ่อนกว่าวัยครับ