แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง ? ทำร้ายผิวได้อย่างไร ? รังสีไหนอันตรายที่สุด ?

ในแสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง

แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง

แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง ? คำตอบคือมีหลากหลายรังสีเลยครับ ที่เราได้ยินบ่อย ๆ จะเป็นรังสี UVA และ UVB แต่ในความเป็นจริงแล้วรังสีในแสงแดด ยังมีรังสีอื่น ๆ ซึ่งรังสีแต่ละตัว ล้วนส่งผลทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา

ในบทความนี้หมอสรุปข้อมูลให้แล้วครับว่า แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง ? รังสีไหนอันตรายที่สุด ? ทำร้ายผิวเราได้อย่างไร ? พร้อมแนะนำวิธีป้องกันรังสีในแสงแดด

คลิกอ่านหัวข้อ แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง


รังสีในแสงแดด อันตรายหรือไม่ ?

รังสีในแสงแดด เป็นอันตรายต่อผิวในระยะยาวครับ

หากผิวสัมผัสรังสีในแสงแดด โดยที่ไม่ได้มีการปกป้องผิว แม้อันตรายจากแสงแดดจะไม่ร้ายแรงในทันที แต่หากในระยะยาวหลักสิบปีแล้ว รังสีจากแสงแดดจะส่งผลกระทบต่อผิว ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาครับ

การเผชิญแสงแดดจัดติดต่อกันเป็นเวลานาน ในกรณีที่ร้ายแรงมากอาจจะถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนัง (Skin Cancer) เพราะได้รับรังสี UV ติดต่อเป็นเวลานาน

รังสีในแสงแดด มีอะไรบ้าง อันตรายไหม
ในแสงแดดมีรทั้งรังสี UVA / UVB / UVC แสงสีฟ้า และอินฟราเรด

ภายในแสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง ?

แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง ? หลัก ๆ จะประกอบไปด้วยรังสี UVA / UVB แสงสีฟ้า (Blue light) และรังสีอินฟราเรด (Infrared)

ซึ่งรังสีในแสงแดดแต่ละตัว จะมีลักษณะดังนี้

รังสี UVA

รังสี UVA เป็นรังสีที่มีคลื่นความยาวสูงสุด มักพบรังสียูวีเอได้บ่อยกว่ารังสี UV ประเภทอื่นถึง 75%

นอกจากนี้รังสี UVA ยังสามารถทะลุผ่านวัตถุที่เป็นกระจก หรือเสื้อผ้าได้ครับ หากผิวสัมผัสรังสี UVA โดยไม่มีการป้องกันที่ดีพอ เช่น ไม่ทากันแดด ไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันแดด ฯลฯ

รังสียูวีเอสามารถทำร้ายเซลล์ผิวเราในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ได้ครับ และในระยะยาวจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา เช่น ริ้วรอยก่อนวัย การเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ฯลฯ

รังสี UVB

รังสี UVB มีคลื่นความยาวรองลงมาจากรังสี UVA แม้จะไม่สามารถทะลุผ่านวัตถุที่เป็นกระจกได้ แต่รังสี UVB จะทำร้ายผิวหนังชั้นนอกสุด หรือผิวหนังชั้นกำพร้า (Epidermis) แทนครับ

ผิวที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด หรือสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน หากสัมผัสรังสี UVB เป็นเวลานาน มีโอกาสสูงที่จะมีอาการผิวไหม้แดด (Sunburn) ทำให้ผิวแดง รู้สึกแสบร้อนผิว ในกรณีที่ผิวไหม้แดดรุนแรง อาจจะถึงขั้นมีตุ่มน้ำพุพองเกิดขึ้นตามมาครับ

รังสี UVA UVB จากแสงแดด ทำร้ายผิว
ภายในแสงแดดมีรังสี UVA / UVB ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดปัญหาผิว

รังสี UVC

รังสี UVC คือ รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีคลื่นความยาวสั้นที่สุด แต่มีพลังงานมากที่สุด เพราะสามารถทำลายสารพันธุกรรม DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้ เช่น เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย ฯลฯ

โดยรังสี UVC มีโอกาสส่องมายังโลกน้อยมากครับ เพราะถูกชั้นบรรยากาศดูดซับไว้ รังสียูวีซีในแสงแดด จึงส่งผลกระทบต่อผิวเราน้อยกว่ารังสี UVA / UVB แต่มักจะเกิดปัญหาผิวจากรังสี UVC ที่มนุษย์สร้างขึ้นแทนครับ

แสงสีฟ้า (Blue light)

แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง นอกจากรังสี UV ?

ภายในแสงแดดประมาณ 1 ใน 3 จะมีแสงสีฟ้า (Blue light) อยู่ด้วยครับ ซึ่งแสงแดดจะเป็นแหล่งที่พบแสงสีฟ้าได้มากที่สุด มากกว่าแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ จอทีวี หลอดไฟ ฯลฯ

แม้ว่าแสงสีฟ้าจะมีคลื่นความยาวสั้นแค่ประมาณ 380-500 นาโนเมตร แต่กลับมีค่าพลังงานสูง และในระยะยาวจะส่งผลต่อผิวได้ครับ เพราะมีส่วนช่วยเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย

อินฟราเรด (Infrared)

รังสีอินฟราเรด (Infrared) มีอยู่ในแสงแดดเช่นกันครับ ในความเป็นจริงแล้วพลังงานมากกว่าครึ่งหนึ่งของดวงอาทิตย์ที่ส่องมาถึงโลกของเรา เต็มไปด้วยรังสีอินฟราเรด ส่วนรังสี UV จะมีแค่ประมาณ 2-3%

แต่พลังงานของรังสีอินฟราเรดจะไม่ได้ถูกส่องมายังโลกทั้งหมดครับ เพราะพลังงานบางส่วนจะถูกชั้นบรรยากาศดูดซับไว้ และพลังงานบางส่วนจะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเมื่อพื้นผิวอุ่นขึ้น

แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง มี UVA / UVB
ความแตกต่างของรังสี UVA / UVB ที่ส่งผลต่อผิว

รังสีจากแสงแดด ตัวไหนอันตรายสุด

รังสีที่อยู่ในแสงแดดทุกคลื่นรังสี ล้วนมีอันตรายที่แตกต่างกันไปครับ

แต่รังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตราย และเป็นปัจจัยกระตุ้นการเกิดปัญหาผิว คือ “รังสีอัลตราไวโอเลต” หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “รังสี UV”

ซึ่งรังสี UVA และ UVB เป็นศัตรูตัวฉกาจ ที่ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาทันทีหลังเผชิญแสงแดดจัด และยังส่งผลต่อผิวในระยะยาวด้วยครับ


รังสีจากแสงแดด ทำร้ายผิวได้อย่างไร ?

รังสีที่อยู่ในแสงแดดทุกคลื่นรังสี จะส่งผลกระทบต่อผิวดังนี้

  • รังสี UVA ส่งผลให้ผิวมีริ้วรอยก่อนวัย กระตุ้นการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • รังสี UVB ส่งผลให้ผิวไหม้แดด ผิวแดง รู้สึกแสบร้อนผิว หลังจากเผชิญแสงแดดจัด
  • รังสี UVC ที่มาจากแสงแดด ไม่ส่งผลกระทบกับผิวโดยตรง แต่การนำรังสี UVC ไปประยุกต์ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลให้ผิวไหม้ เกิดอาการระคายเคืองผิว และเป็นอันตรายต่อดวงตา
  • Blue light ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพ เพราะอีลาสติน (Elastin) และ คอลลาเจน (Collagen) ถูกทำลาย ทำให้หน้าโทรม เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหน้าหมองคล้ำ
  • Infrared ส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ มีรอยดำคล้ำ ผิวดูแก่กว่าวัย

นอกจากรังสีในแสงแดดจะทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาแล้ว ในระยะยาวมีโอกาสเกิดโรคที่เกิดจากแสงแดดได้ครับ เช่น โรคมะเร็งผิวหนัง โรคแพ้แสงแดด โรคเกี่ยวกับดวงตา ฯลฯ

รังสีที่อยู่ในแสงแดด ทำให้เกิดปัญหาผิว
รังสีทุกประเภทที่อยู่ในแสงแดด มีส่วนทำให้เกิดปัญหาผิวในระยะยาว

วิธีป้องกันรังสีในแสงแดด ลดการเกิดปัญหาผิว

การที่จะไม่เผชิญแสงแดดเลย เป็นเรื่องที่ทำได้ยากครับ หมอจึงขอแนะนำวิธีป้องกันแดดให้ได้ทราบกัน เพื่อจะได้ปกป้องผิวเมื่อต้องเผชิญแสงแดดในระหว่างวัน

วิธีป้องกันรังสีในแสงแดด มีดังนี้

  • ใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดด

หากต้องเผชิญแสงแดดจัดระหว่างวัน ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดดเสมอครับ

เช่น ร่มกัน UV เสื้อแขนยาวกันยูวี สวมใส่แว่นตา ใส่หมวก ฯลฯ เพื่อปกป้องผิวกายและผิวบริเวณรอบดวงตา ให้ได้รับผลกระทบจากรังสีในแสงแดดน้อยที่สุด

  • หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด

แม้ว่าประโยชน์ของแสงแดดจะมีวิตามิน D ที่ส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราควรตากแดดเพื่อรับวิตามินดีตอนไหนก็ได้ครับ

ในช่วงเวลา 09.00 น. – 16.00 น. ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของรังสี UV สูง หากต้องการรับวิตามิน D จากแสงแดด ควรรับแดดช่วงเช้าประมาณ 06.00 น. – 08.00 น. จะเหมาะกว่าครับ

คลิกอ่านเพิ่มเติม : แดดช่วงไหนอันตราย รุนแรงที่สุด ? ควรปกป้องผิวอย่างไรให้ปลอดภัย ?

เลี่ยงการเจอแดดจัด ป้องกันรังสี UV ในแดด
หลีกเลี่ยงการออกแดดจัด ช่วงเวลา 09.00 น. – 16.00 น. ป้องกันรังสี UV ในแดด
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

การทาครีมกันแดดปกป้องผิว เป็นวิธีป้องกันรังสีจากแสงแดดได้ง่ายที่สุด

โดยควรทากันแดดเป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้าน พร้อมใช้กันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA 3+ ขึ้นไป เพื่อให้เพียงพอกับการออกแดดครับ นอกจากนี้ เนื้อครีมกันแดดต้องบางเบา เกลี่ยง่าย แห้งซึมไว สามารถปกป้องผิวได้ทุกคลื่นรังสี

กันแดดทาหน้า ปกป้องผิวจากแสงแดด
DR. V SQUARE UV ABC SUNSCREEN CREAM SPF 40 PA+++

Dr. V Square กันแดดป้องกันรังสีจากแสงแดด

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream มีค่า SPF 40 PA+++ เหมาะกับการใช้ทาปกป้องผิวในชีวิตประจำวัน สามารถกันแดดได้ทุกคลื่นรังสี ทั้งรังสี UVA / UVB / UVC แสงสีฟ้า และรังสีอินฟราเรด ป้องกันการสะท้อน การกระเจิง และการดูดซับได้ภายในเนื้อเดียว

ซึ่งครีมกันแดด Dr. V Square สูตรนี้ ใช้ทาได้ทุกสภาพผิว ไม่มีสารอันตราย ไม่ก่อให้เกิดสิว แม้มีผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้ สารกันแดดที่ใช้นำเข้าจากประเทศเยอรมัน มีความคงตัวสูง พร้อมช่วยลดโอกาสเกิดผิวไหม้แดดเมื่อเผชิญแสงแดดจัด เพราะมีสาร Soothing Cooling จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ช่วยป้องกันอาการแสบผิว

  • แต่งกายปกป้องผิวจากแสงแดด

การแต่งกายปกป้องผิวจากแสงแดด ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าหนา และมีสีเข้ม

เช่น สีดำ สีเทา สีน้ำตาล ฯลฯ เพราะจะช่วยดูดซับรังสี UV และความร้อน ได้ดีกว่าเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าบาง

แต่งตัวมิดชิด ป้องกันรังสีจากแสงแดด
การใส่เสื้อผ้าสีเข้ม หรือชุดที่มีเนื้อผ้าหน้า ช่วยป้องกันรังสีจากแสงแดดได้
  • หมั่นทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวัน

นอกจากทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันแล้ว วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง ที่มองข้ามไม่ได้ คือ การทากันแดดระหว่างวันเมื่อจำเป็นต้องเผชิญแสงแดดจัดครับ

หากในระหว่างวันจำเป็นต้องออกแดดไปทำกิจกรรมข้างนอก ก็ควรทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวันเสมอครับ โดยอาจทาซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมง หรือตามระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์กันแดดแบรนด์นั้น ๆ แนะนำ

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ครีมกันแดดทาตอนไหน เห็นผลดีที่สุด พร้อมตอบคำถามก่อนทากันแดด


สรุปเรื่องแสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง ที่ทำร้ายผิว

แสงแดด มีรังสีอะไรบ้าง ? คำตอบคือ มีทั้งรังสี UVA / UVB / UVC แสงสีฟ้า และอินฟราเรดครับ

หากไม่มีการปกป้องผิวจากรังสีเหล่านี้ ในระยะยาวจะทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา และยังเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง รวมถึงโรคเกี่ยวกับดวงตาได้

วิธีป้องกันรังสีในแสงแดดง่ายที่สุด คือ การหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ ค่า PA เหมาะสม พร้อมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ปกป้องผิวได้ทุกคลื่นรังสี เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาผิว จากรังสีต่าง ๆ ในแสงแดดได้ครับ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง