วิธีใช้เรตินอล

วิธีใช้เรตินอลฉบับมือใหม่

วิธีใช้เรตินอลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลผิวหน้าให้เรียบเนียน มีหลายคนที่หันมาใช้เรตินอลแต่ไม่รู้วิธีใช้ที่เหมาะสม วิธีทาเรตินอลที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะการใช้ Retinol ผิดวิธี อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและแสบผิวได้ครับ

ในบทความนี้หมอจึงมาแนะนำวิธีใช้เรตินอลสำหรับมือใหม่ ตั้งแต่เริ่มใช้ครั้งแรก การเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสม ไปจนถึงเคล็ดลับการใช้ Retinol Cream ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยไม่ทำร้ายผิวครับ

คลิกอ่านหัวข้อ วิธีใช้ Retinal


วิธีใช้เรตินอลสำหรับมือใหม่ ป้องกันการระคายเคือง

เรตินอลเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และรอยสิว ทำให้ผิวใสกระจ่างขึ้น แต่วิธีใช้ Retinol ที่ถูกต้องนั้นสำคัญมากครับ เพราะเป็นสารที่มีความเข้มข้นและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ หากใช้ไม่ถูกวิธี

เรตินอล

วิธีทาเรตินอลที่จะแนะนำต่อไปนี้ เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ และผู้ที่ต้องการปรับวิธีใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเองครับ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยใช้เรตินอลมาก่อน จะต้องค่อย ๆ เริ่มใช้เพื่อให้ผิวปรับตัวได้ดีครับ

1. เริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อนเสมอ

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้เรตินอล ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้น 0.01-0.02% ก่อนครับ เพื่อให้ผิวได้ปรับตัว ไม่แนะนำให้เริ่มที่ความเข้มข้นสูงเลย

เพราะอาจเกิดอาการแสบร้อน แดง ลอก หรือระคายเคืองได้ง่ายครับ วิธีใช้เรตินอลครีมความเข้มข้นต่ำจะช่วยให้ผิวค่อย ๆ ปรับตัวได้โดยไม่เกิดผลข้างเคียงรุนแรง

2. ใช้เรตินอลในปริมาณที่เหมาะสม

วิธีใช้ Retinol Cream ที่ถูกต้องคือใช้ในปริมาณน้อย ประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียวต่อการใช้หนึ่งครั้งครับ ทาให้ทั่วใบหน้า

โดยหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก และรูจมูก ซึ่งเป็นจุดที่บอบบางและอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย การใช้ในปริมาณมากไม่ได้ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แต่จะเพิ่มโอกาสการระคายเคืองมากขึ้นครับ

3. เริ่มใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มความถี่

วิธีทาเรตินอลสำหรับมือใหม่ ควรเริ่มจากการใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก่อนครับ เช่น วันจันทร์และวันพฤหัสบดี แล้วค่อย ๆ เพิ่มความถี่เมื่อผิวเริ่มชินกับเรตินอล อาจใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ในการปรับตัว

ถ้าไม่มีอาการระคายเคือง ค่อยเพิ่มเป็น 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนถึงการใช้ทุกวันครับ

4. ใช้เฉพาะช่วงกลางคืน

เรตินอลควรใช้เฉพาะในช่วงกลางคืนเท่านั้นครับ เนื่องจากสารนี้ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น และมีประสิทธิภาพดีที่สุดในช่วงที่ร่างกายกำลังซ่อมแซมตัวเองระหว่างการนอนหลับ

ก่อนใช้ต้องล้างหน้าให้สะอาด รอให้ผิวแห้งสนิทก่อนทาเรตินอล และให้เวลาผลิตภัณฑ์ซึมลงสู่ผิวอย่างน้อย 20-30 นาทีก่อนเข้านอนครับ

5. ทามอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนและ/หรือหลังใช้เรตินอล

ทามอยเจอร์ไรเซอร์ หลังใช้เรตินอล
ทามอยเจอร์ไรเซอร์ได้ทั้งก่อนและหลังใช้เรตินอล เพื่อลดการระคายเคืองผิว

สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่มีผิวแห้ง บอบบาง วิธีใช้เรตินอลที่ช่วยลดการระคายเคือง คือ การทาแบบ Sandwich Technique ครับ โดยทามอยเจอร์ไรเซอร์บาง ๆ ก่อน ตามด้วยเรตินอล แล้วปิดท้ายด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์อีกชั้น จะช่วยสร้างเกราะป้องกันและลดการระคายเคืองได้ แต่ยังคงได้ประสิทธิภาพของเรตินอลครับ

6. ทาครีมกันแดดทุกวัน

การใช้เรตินอลต้องคู่กับการทาครีมกันแดดทุกวันครับ เพราะเรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสง UV มากขึ้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 มีค่า PA 3+ ขึ้นไป ป้องกันทั้ง UVA และ UVB

ซึ่งแนะนำให้ทาอย่างสม่ำเสมอและทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากต้องอยู่กลางแจ้งครับ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวคล้ำหรือเกิดริ้วรอยเพิ่ม

7. หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับสารผลัดเซลล์อื่น ๆ

วิธีใช้เรตินอลอย่างปลอดภัย คือ ไม่ใช้ร่วมกับสารผลัดเซลล์ผิวชนิดอื่นในเวลาเดียวกันครับ เช่น AHA, BHA หรือวิตามินซี เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรง ควรแยกการใช้ เช่น ใช้วิตามินซีในตอนเช้า และเรตินอลในตอนกลางคืน หรือใช้ AHA/BHA ในวันที่ไม่ได้ใช้เรตินอลครับ


วิธีใช้เรตินอลที่ถูกต้อง ควรทากี่ครั้ง/วัน ?

สำหรับ Retinol วิธีใช้ที่เหมาะสมไม่ควรทาเกิน 1 ครั้งต่อวันครับ

เพราะเรตินอลอาจระคายเคืองผิวได้ โดยเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้ และการใช้เรตินอลบ่อยเกินไป นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นแล้ว กลับยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ


วิธีใช้ Retinol ควรทาตอนไหน ?

เวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับวิธีใช้เรตินอล คือ ช่วงกลางคืน เนื่องจากเป็นช่วงที่ผิวได้พักผ่อน ทำการซ่อมแซมตัวเอง ไม่ได้รับการรบกวนจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มีอยู่ในแสงแดด เรตินอลจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าเมื่อใช้ในเวลากลางคืนครับ

ขั้นตอนที่แนะนำสำหรับวิธีใช้ Retinol ในช่วงกลางคืน

  • ล้างหน้าให้สะอาด ด้วยคลีนเซอร์อ่อน ๆ
  • รอให้ผิวแห้งสนิท
  • ทาเรตินอลในปริมาณที่พอเหมาะ
  • รอให้เรตินอลซึมลงผิว (ประมาณ 15-30 นาที)
  • ทาครีมบำรุงหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ทับเพื่อล็อคความชุ่มชื้น

สำหรับช่วงเช้า ควรหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอล เนื่องจากจะทำให้ผิวไวต่อแสง UV มากขึ้น และจำเป็นต้องทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกวันครับ


วิธีทาเรตินอลสำหรับผิว ควรทาสกินแคร์อื่นเพิ่มไหม ?

การใช้เรตินอลควบคู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการระคายเคืองได้ครับ ซึ่งสกินแคร์ที่หมอแนะนำว่าควรใช้ร่วมกับเรตินอล ได้แก่

  • เซรั่มบำรุงผิว

เซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารบำรุงเข้มข้น ช่วยแก้ปัญหาผิวเฉพาะด้านได้อย่างตรงจุด เมื่อใช้ร่วมกับเรตินอล จะช่วยเสริมการทำงานในการแก้ไขปัญหาความหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือริ้วรอยได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

เมราลิส เซรั่ม
Dr. V Square Melaris Serum

วิธีใช้เรตินอล กับ Dr. V Square Melaris Serum

Dr. V Square Melaris Serum เป็นเซรั่มบำรุงผิวเนื้อบางเบา ที่ช่วยให้ผิวขาวใส ลดฝ้า กระ จางลงใน 7-14 วัน ด้วยเทคโนโลยี Niosomal ที่ช่วยให้อนุภาคระดับนาโนซึมลึกได้มากกว่าปกติถึง 332% ปลอดภัยไม่มีสารอันตราย ไม่ก่อให้เกิดสิว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

ภายในเซรั่มอุดมด้วยส่วนผสมคุณภาพนำเข้าจากญี่ปุ่นและสวิตเซอร์แลนด์ ทั้ง Tranewamic Acid, Niacinamide, Vitamin E และสารสกัด Mandarin Clear ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน เสริมประสิทธิภาพการทำงานของเรตินอลได้อย่างลงตัวเมื่อใช้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันครับ

  • ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น/มอยเจอร์ไรเซอร์

การเติมความชุ่มชื้นเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อใช้เรตินอลที่อาจทำให้ผิวแห้งและลอกเป็นขุยได้ มอยเจอร์ไรเซอร์จะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะ และลดการระคายเคืองจากเรตินอลได้ดี ทำให้ผิวแข็งแรงและพร้อมรับประโยชน์จากเรตินอลอย่างเต็มที่ครับ

ไฮยา บูสท์ ครีม
Dr. V Square Hya-Boost Cream

วิธีใช้เรตินอล กับ Dr. V Square Hya-Boost Cream

สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์ หมอแนะนำ Dr. V Square Hya-Boost Cream เป็นครีมฟื้นฟูผิวที่ให้ความชุ่มชื้นยาวนานถึง 72 ชั่วโมง อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีสเตอรอยด์และไม่มีน้ำหอม จึงไม่ก่อให้เกิดสิวและปลอดภัยกับผิวแพ้ง่าย เหมาะสำหรับใช้หลังทาเรตินอลเพื่อบรรเทาอาการแห้งตึงและการระคายเคือง

มีสารสกัดคุณภาพนำเข้าจากเกาหลีและสวิตเซอร์แลนด์ รวม 7 ชนิด ได้แก่ Centella Asiatica, Green Tea, Chamomile, Skullcap, Japanese Knotweed, Rosemary และ Licorice ช่วยลดการอักเสบของผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น แม้ผิวที่กำลังอักเสบหรือเป็นสิวง่ายก็สามารถใช้ได้ครับ

  • ครีมกันแดด

อย่างที่ได้กล่าวไป ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อใช้เรตินอล เพราะเรตินอลทำให้ผิวไวต่อรังสี UV มากขึ้น และครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอย ฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำ จึงควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมเป็นประจำทุกวัน

ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ยูวี เอ-บี-ซี ซันสกรีน ครีม
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream

วิธีใช้เรตินอล กับ Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream

Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream เป็นครีมกันแดดที่มอบการปกป้องผิวแบบ Triple Protection ด้วย SPF 40 PA+++ ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมป้องกัน Blue Light จากหน้าจอต่าง ๆ ด้วยการทำงาน 3 กระบวนการ ได้แก่ สะท้อน (Reflection) กระเจิง (Scattering) และดูดซับ (Absorption) รังสี UV

เนื้อครีมบางเบาเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ก่อให้เกิดสิว มีส่วนผสมคุณภาพนำเข้าจากเกาหลีและเยอรมนี ประกอบด้วยสารสกัดที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องและบำรุงผิว ช่วยลดความร้อนและการระคายเคืองของผิว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ทุกวันคู่กับเรตินอล เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดครับ


วิธีใช้เรตินอลอย่างอ่อนโยน ไม่ควรใช้กับอะไร ?

วิธีใช้เรตินอลอย่างอ่อนโยนนั้น นอกจากการเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้ว ยังควรระวังไม่ใช้ร่วมกับสารบางชนิดครับ

  • AHA & BHA : กรดผลัดเซลล์ผิวเช่น AHA (กรดผลไม้) และ BHA (กรดซาลิไซลิก) ไม่ควรใช้พร้อมกับเรตินอล เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงได้ ควรแยกใช้คนละช่วงเวลาหรือคนละวันครับ
  • Benzoyl Peroxide – เป็นสารที่นิยมใช้รักษาสิว แต่ไม่ควรใช้ร่วมกับเรตินอลในเวลาเดียวกัน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของทั้งคู่ลดลง และยังเพิ่มความเสี่ยงให้ผิวแห้ง ระคายเคืองมากขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ทั้งสองตัว ควรใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ในตอนเช้า และเรตินอลในตอนกลางคืน หรือใช้สลับวันกันครับ
  • วิตามิน C : แม้จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส แต่ไม่ควรใช้พร้อมกับเรตินอลในเวลาเดียวกัน เพราะอาจลดประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน แนะนำให้ใช้วิตามินซีในตอนเช้า และเรตินอลในตอนกลางคืนครับ

การใช้ Retinol Cream เข้มข้นสูง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังไหม ?

สำหรับการใช้ Retinol Cream ที่มีความเข้มข้นสูง (0.5% ขึ้นไป) หรือการใช้เรตินอยด์ตามใบสั่งแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนครับ โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวพื้นฐาน เช่น โรคสะเก็ดเงิน ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือโรคผิวหนังอักเสบ Rosacea
  • ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร (เรตินอยด์บางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์)
  • ผู้ที่หน้าโทรมจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม หรือมีปัญหาผิวที่รุนแรง เช่น สิวอักเสบมาก หรือริ้วรอยลึก

แพทย์จะสามารถประเมินสภาพผิวและแนะนำวิธีใช้ Retinol Cream ที่เหมาะสม รวมถึงความเข้มข้นที่ควรเริ่มต้น และวิธีเพิ่มความเข้มข้นอย่างปลอดภัยครับ


ข้อควรระวังการใช้เรตินอลอย่างถูกต้อง

เพื่อให้การใช้เรตินอลเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดผลข้างเคียง มีข้อควรระวังดังนี้ครับ

ใช้ครีมกันแดดร่วมกับเรตินอล
เมื่อใช้เรตินอล ต้องทาครีมกันแดดทุกวัน เพราะเรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงแดด
  • ต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน : เรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน แม้อยู่ในร่มก็ตาม
  • หยุดใช้เมื่อมีอาการแพ้รุนแรง : หากผิวแดง แสบร้อน คัน หรือผิวลอกเป็นแผ่น ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ครับ
  • ผิวอาจแห้งและลอกในช่วงแรก : Retinol Cream วิธีใช้สำหรับช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ผิวอาจแห้งและลอกเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติ ควรบำรุงโดยเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวครับ
  • ไม่ใช้ในช่วงกลางวัน : หลีกเลี่ยงการใช้เรตินอลก่อนออกไปเจอแสงแดดโดยตรง ควรใช้ในช่วงกลางคืนเท่านั้น
  • งดใช้ก่อนทำหัตถการ : ควรหยุดใช้เรตินอล 5-7 วันก่อนการทำหัตถการใด ๆ บนใบหน้า เช่น การทำเลเซอร์ การลอกผิว และการแว็กซ์
  • ห้ามใช้ในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ : ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ต้องหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอล เพราะสารกลุ่มวิตามินเอ อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติในทารกได้

สรุปวิธีใช้ Retinal สำหรับมือใหม่ ปลอดภัย ทำตามได้ง่าย

วิธีใช้เรตินอลสำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มจากสูตรที่มีความเข้มข้นต่ำ ใช้ในปริมาณเล็กน้อย และใช้เพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งในช่วงกลางคืนก็เพียงพอครับ ที่สำคัญคือควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ร่วมด้วยทุกครั้ง เพื่อลดการระคายเคือง และอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำในตอนเช้า

เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนเริ่มใช้นะครับ ถ้าผิวมีปัญหาอยู่ก่อน หรือไม่มั่นใจว่าเรตินอลจะเหมาะกับผิวตัวเองหรือไม่ การปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรก่อนใช้จะช่วยให้มั่นใจและปลอดภัยมากขึ้นครับ


อ้างอิง

อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่: 6 พฤษภาคม 2568

Share: