
AHA / BHA ห้ามใช้กับอะไร
AHA / BHA ห้ามใช้กับอะไร ? เป็นคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยเมื่อเริ่มใช้สารกลุ่มกรดนี้ในการดูแลผิว ในวงการสกินแคร์ AHA และ BHA เป็นสารสกัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับการดูแลผิวหน้า ด้วยคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว รักษาสิว และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
แต่การใช้สารทั้งสองนี้ก็มีข้อควรระวังที่ต้องทำความเข้าใจก่อนใช้ครับ เพราะการใช้ร่วมกับสารบางชนิดอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย บทความนี้หมอจะพาไปเจาะลึกว่า AHA / BHA ห้ามใช้กับอะไรบ้าง ? และใช้คู่กับส่วนผสมไหนได้อย่างปลอดภัยครับ
คลิกอ่านหัวข้อ AHA / BHA ห้ามใช้กับอะไร
AHA / BHA คืออะไร ? ทำไมควรใช้ให้ถูกวิธี ?
หมออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ครับว่า AHA และ BHA เป็นกลุ่มของกรดอ่อน ๆ มักใช้เป็นส่วนผสมของสกินแคร์และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งต่างก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ช่วยในการดูแลผิวหน้าแตกต่างกันไป

AHA (Alpha Hydroxy Acids) คือ กรดผลไม้ เช่น กรดไกลโคลิก กรดแลคติก ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวหน้าชั้นนอก ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำบนใบหน้า
BHA (Beta Hydroxy Acid) ที่รู้จักกันดีคือ กรดซาลิไซลิก มีคุณสมบัติละลายได้ในน้ำมัน จึงสามารถซึมลึกเข้าสู่รูขุมขนได้ดี เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาสิว รูขุมขนกว้าง หรือผิวมัน
ทำไมควรใช้ให้ถูกวิธี ?
- การใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผิวแพ้ แดง ระคายเคืองได้
- ความเข้มข้นสูงเกินไปอาจทำให้ผิวไหม้ หรือลอกเป็นขุยได้
- การใช้ร่วมกับสารบางชนิดอาจลดประสิทธิภาพของกันและกัน
- ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA บางชนิดอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวบางประเภท
AHA / BHA ห้ามใช้คู่กับอะไร ?
ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA/BHA ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้คู่กับสารอื่นๆ ใน Skincare Routine ครับ เพราะการใช้ร่วมกันกับส่วนประกอบบางอย่าง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรง ผลัดผิวมากเกินไป หรือทำให้ประสิทธิภาพของสกินแคร์ลดลงได้ ซึ่ง AHA / BHA ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง มีดังนี้
ห้ามใช้ AHA / BHA คู่กับ Vitamin C
วิตามินซีเป็นสารยอดนิยมในวงการสกินแคร์ ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ แต่เมื่อนำมาใช้ร่วมกับ AHA/BHA อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมเท่าไรนัก เนื่องจากมีข้อควรระวังที่ควรพิจารณา ดังนี้

- AHA/BHA และวิตามินซีมีค่าความเป็นกรดต่างกัน การใช้ร่วมกันอาจทำให้ทั้งสองส่วนผสมทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
- วิตามินซีมีความไม่เสถียรโดยธรรมชาติ เมื่อใช้งานร่วมกับสารกลุ่มกรดอย่าง AHA/BHA อาจทำให้วิตามินซีเสื่อมคุณภาพได้เร็วขึ้น
- เพิ่มความเสี่ยงในการระคายเคืองผิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อาจเกิดอาการแสบ แดง หรือคันได้มากกว่าปกติ
คำแนะนำคือ ควรแยกเวลาในการใช้ เช่น ทาวิตามินซีในช่วงเช้า เพื่อช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระระหว่างวัน และใช้ AHA หรือ BHA ในช่วงกลางคืน เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึกครับ
ห้ามใช้ AHA / BHA คู่กับ Retinol
Retinol หรือ อนุพันธ์ของวิตามินเอ เป็นหนึ่งในสารบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว แต่การใช้ Retinol ร่วมกับ AHA หรือ BHA อาจไม่เหมาะสม ด้วยเหตุผลดังนี้

- ทั้ง Retinol และ AHA/BHA มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว การใช้พร้อมกันอาจทำให้ผิวบางและบอบบางมากเกินไป จนอาจเกิดอาการระคายเคือง แดง หรือแสบผิวได้
- เพิ่มความไวต่อแสงแดด เมื่อผิวบางลง โอกาสที่ผิวจะเกิดปัญหา เช่น ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำจากแสงแดดก็จะเพิ่มสูงขึ้น
- ประสิทธิภาพของ Retinol อาจลดลง เนื่องจาก AHA/BHA มีผลต่อค่า pH ของผิว ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของ Retinol โดยตรง
วิธีที่ปลอดภัยคือ ควรแยกการใช้งานเป็นคนละวัน เช่น ใช้ Retinol ในวันที่ไม่ได้ใช้ AHA/BHA เพื่อให้ผิวมีเวลาปรับสมดุล และลดโอกาสในการเกิดการระคายเคืองครับ
ห้ามใช้ AHA / BHA คู่กับ Benzoyl Peroxide
Benzoyl Peroxide เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาสิวที่มีประสิทธิภาพ แต่เมื่อนำมาใช้ร่วมกับ AHA หรือ BHA อาจส่งผลให้ผิวได้รับการกระตุ้นมากเกินไปครับ เพราะ

- ทั้งสองสารมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว และอาจทำให้ผิวแห้งหรือลอกได้ การใช้พร้อมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองมากกว่าปกติ
- Benzoyl Peroxide และ AHA/BHA ต่างก็มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดความมันส่วนเกิน การใช้ร่วมกันจึงอาจเป็นการซ้ำซ้อนและส่งผลให้ผิวอ่อนแอได้
- ผิวอาจไวต่อแสงแดดมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดรอยดำ รอยสิว หรือการอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ
หมอแนะนำให้ใช้แยกกันในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น ใช้ Benzoyl Peroxide ในตอนเช้า และใช้ AHA หรือ BHA ในตอนกลางคืน หรืออาจสลับวันกันใช้ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นฟูและลดโอกาสการระคายเคืองครับ
ห้ามใช้ AHA / BHA คู่กับ Niacinamide (ในบางกรณี)
Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมยอดนิยมในวงการสกินแคร์ เพราะช่วยดูแลปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งเรื่องรูขุมขนกว้าง รอยดำ และการเสริมเกราะป้องกันผิว แต่เมื่อใช้งานร่วมกับ AHA หรือ BHA อาจมีบางจุดที่ควรระวัง โดยเฉพาะในกรณีที่ผิวบอบบางหรือระคายเคืองง่าย

- ในผิวที่แพ้ง่าย การใช้ Niacinamide และ AHA/BHA พร้อมกัน อาจกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น แดง แสบ หรือคันได้
- ทั้งสองสารมีช่วงค่า pH ที่ต่างกัน AHA/BHA ทำงานได้ดีในภาวะเป็นกรด ส่วน Niacinamide จะทำงานได้ดีในภาวะเป็นกลาง หากใช้ติดกันทันที อาจทำให้ประสิทธิภาพของทั้งสองลดลง
- เมื่อใช้ในความเข้มข้นสูงทั้งคู่ ผิวอาจไม่สามารถปรับตัวทัน ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
แนวทางที่แนะนำคือ หากไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคือง สามารถใช้ร่วมกันได้โดยเว้นระยะเวลาให้ผิวปรับสมดุล เช่น ทาผลิตภัณฑ์ตัวแรกให้ซึมลงผิวก่อนประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงตามด้วยตัวถัดไป เพื่อช่วยลดการระคายเคือง และยังคงประสิทธิภาพของแต่ละสารไว้ครับ
ห้ามใช้ AHA / BHA คู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์สูง หรือ Scrub ผิว
การใช้สครับ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคยในรูทีนดูแลผิว แต่หากใช้ร่วมกับ AHA หรือ BHA อาจส่งผลเสียต่อผิวมากกว่าผลดี โดยมีข้อควรระวังดังนี้

- สครับและแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้ผิวแห้งและอ่อนแอ เมื่อใช้ร่วมกับ AHA/BHA ซึ่งมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผิวจะบางลง สูญเสียความชุ่มชื้น และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
- ลดความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิว ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น และอาจเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ส่งผลต่อเกราะป้องกันผิว (Skin barrier) ซึ่งเป็นชั้นสำคัญในการปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอก เช่น มลภาวะ แบคทีเรีย หรือสารระคายเคืองต่างๆ
เพื่อปกป้องผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สครับ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์สูงในวันเดียวกับที่ใช้ AHA/BHA หรือเลือกใช้ในช่วงเวลาที่ผิวไม่ได้รับการผลัดเซลล์ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นฟูและรักษาสมดุลครับ
ใช้ AHA / BHA คู่กับสารที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน ส่งผลต่อผิวอย่างไร ?
หากใช้ AHA หรือ BHA คู่กับสารที่ไม่ควรใช้ร่วมกันดังที่หมอได้กล่าวไปในข้างต้น อาจทำให้ผิวเกิดปัญหาตามมาได้ ไม่เพียงลดประสิทธิภาพของสกินแคร์ แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวในระยะยาว โดยอาการที่มักพบ ได้แก่

- ผิวแดง ระคายเคือง
เป็นอาการแรกที่หลายคนสังเกตเห็นได้ชัดเมื่อใช้สารที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน เช่น อาการอักเสบ คัน แดง หรือแสบร้อนหลังทาผลิตภัณฑ์ไม่นาน
- ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
เมื่อใช้สารที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นจนแห้งกร้าน ลอกเป็นแผ่น และดูหมองคล้ำ ไม่สดใส
- ชั้นผิวบางลง
เมื่อผิวถูกกระตุ้นด้วยสารหลายชนิดพร้อมกันโดยไม่มีช่วงพัก จะทำให้ผิวบางลงและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำตามมาได้ง่าย
- ประสิทธิภาพของสารลดลง
เมื่อใช้สารที่ไม่เข้ากัน เช่น สารที่ต้องการค่า pH ต่างกัน หรือแย่งกันทำงานในผิว จะทำให้สารทั้งสองตัวลดประสิทธิภาพลง เสียเปล่าโดยไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- ผิวเสียสมดุล
การรบกวนสมดุลตามธรรมชาติของผิว โดยการใช้สารแรงหลายชนิดพร้อมกัน อาจทำให้ Skin barrier อ่อนแอ เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น สิว ผื่นแพ้ หรือภาวะผิวไวเกิน (Sensitive skin)
AHA / BHA ใช้คู่กับอะไรได้บ้าง ?
ถึงแม้จะมีข้อควรระวังในการใช้ AHA/BHA คู่กับสารบางชนิด แต่ก็มีส่วนผสมอื่น ๆ ที่สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยครับ
- Hyaluronic Acid : สารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก ใช้คู่กับ AHA/BHA ได้ดีมาก ช่วยลดอาการแห้งตึงจากกรดได้ และทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้านหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด
- Ceramides : สารจำเป็นที่ช่วยฟื้นฟูชั้นผิว เสริมความแข็งแรงให้ barrier ของผิว เหมาะกับการใช้หลังจาก AHA/BHA เพราะช่วยซ่อมแซมผิวที่อาจถูกทำลายจากกรด ทำให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดีในระยะยาว
- Peptides : โมเลกุลโปรตีนขนาดเล็กที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ใช้หลังจาก AHA/BHA เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอย เมื่อ AHA/BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว peptides จะทำงานได้ดีขึ้นในการซ่อมแซมผิว
- Squalane : น้ำมันธรรมชาติที่มีโครงสร้างคล้ายไขมันในผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้น ไม่อุดตันรูขุมขน ใช้คู่กับ AHA/BHA ได้ดี ช่วยเคลือบผิวและลดการระเหยของน้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิวแม้แต่ผิวมัน ผิวผสม
- Glycerin : สารให้ความชุ่มชื้นที่มีคุณสมบัติดึงน้ำเข้าสู่ผิว ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิว ลดอาการแห้งตึงจากการใช้ AHA/BHA เป็นส่วนประกอบพื้นฐานในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้หลังการใช้กรด
- Aloe Vera (ว่านหางจระเข้) : สารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบและความแดง ช่วยฟื้นฟูผิวที่ระคายเคืองจากการใช้ AHA/BHA ได้เป็นอย่างดี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยให้ผิวสงบและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- Centella Asiatica (ใบบัวบก) : สารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติลดรอยแดง ฟื้นฟูผิวที่บอบบาง และบำรุงผิวหลังการผลัดเซลล์ด้วย AHA/BHA ประกอบด้วยสารสำคัญ เช่น madecassoside ที่ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมผิวและลดการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Niacinamide : วิตามินบี 3 ที่มีประโยชน์หลากหลาย สำหรับผิวที่ไม่บอบบาง สามารถใช้ความเข้มข้นต่ำ-ปานกลาง (2-5%) ร่วมกับ AHA/BHA ได้ ช่วยควบคุมความมัน ลดรอยแดง และกระตุ้นการสร้างเซรามายด์ตามธรรมชาติของผิว แนะนำให้ทาห่างกัน 20-30 นาที
หากกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ใช้คู่กับ AHA/BHA ได้อย่างปลอดภัย หมอขอแนะนำผลิตภัณฑ์คุณภาพดีจาก Dr. V Square ที่ออกแบบมาเพื่อการดูแลผิวแบบองค์รวมครับ
เมราลิส เซรั่ม
Dr. V Square Melaris Serum

Dr. V Square Melaris Serum เป็นเซรั่มที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ ด้วยเทคโนโลยี Niosomal ที่ช่วยให้สารสำคัญซึมลึกเข้าสู่ผิวได้มากขึ้นถึง 332% จึงเห็นผลเรื่องความกระจ่างใสได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ AHA / BHA ซึ่งช่วยเปิดผิวให้รับสารบำรุงได้ดีขึ้นอีกขั้น
ส่วนผสมหลักคือสารสกัด Mandarin Clear จากญี่ปุ่น ที่ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ ลดรอยฝ้าและความหมองคล้ำอย่างอ่อนโยน เซรั่มตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของ Hydroquinone และสเตียรอยด์ ผ่านการออกแบบมาให้ลดโอกาสเกิดสิวอุดตันหรือการระคายเคือง จึงเหมาะกับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายหรือผิวที่เพิ่งผ่านหัตถการครับ
ไฮยา บูสท์ ครีม
Dr. V Square Hya-Boost Cream

ครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น Dr. V Square Hya-Boost Cream ช่วยเติมความชุ่มชื้นยาวนานถึง 72 ชั่วโมง ด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติ 7 ชนิดจากสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยสารสกัดจากข้าวสาลีที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของ Skin barrier และลดการสูญเสียน้ำในผิว
ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับใช้หลังการผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA / BHA เพราะสามารถช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการแห้งตึง และป้องกันการอักเสบจากการใช้งานกรดอย่างต่อเนื่อง เนื้อครีมบางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ และไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสเตียรอยด์ จึงสามารถใช้ได้ทุกวันโดยไม่ก่อให้เกิดการสะสมหรือผลข้างเคียงในระยะยาวครับ
แนะนำให้ใช้ Dr. V Square Melaris Serum ก่อนเพื่อช่วยเรื่องจุดด่างดำ จากนั้นตามด้วย Dr. V Square Hya-Boost Cream เพื่อเติมความชุ่มชื้นและปกป้องผิว เป็นการดูแลผิวอย่างครบถ้วนหลังจากการใช้ AHA / BHA ที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ไวขึ้นโดยไม่ระคายเคือง แต่ยังช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาวด้วยครับ
วิธีใช้ AHA / BHA ให้ปลอดภัย ไม่ระคายเคือง
หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่า AHA / BHA ห้ามใช้กับอะไรบ้าง ? อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ วิธีการใช้ AHA / BHA ให้ถูกต้องและปลอดภัยครับ เพราะแม้จะใช้ AHA/BHA โดยไม่ผสมกับสารอื่น แต่หากใช้อย่างไม่เหมาะสม ก็ยังเสี่ยงที่จะทำให้ผิวระคายเคืองหรืออ่อนแอได้ครับ
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดโอกาสการเกิดปัญหาผิว หมอขอแนะนำเทคนิคการใช้ AHA / BHA อย่างปลอดภัย ด้วยวิธีต่อไปนี้
- เริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน : สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ ควรเลือก AHA ที่มีความเข้มข้นประมาณ 5–7% หรือ BHA ที่ 0.5–1% ก่อน เพื่อให้ผิวมีเวลาปรับตัว
- ค่อย ๆ เพิ่มความถี่ในการใช้ : เริ่มจากการใช้สัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็น 3–4 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อผิวเริ่มแข็งแรงและไม่มีอาการระคายเคือง
- อย่าลืมทาครีมบำรุงตามทันที : หลังใช้ AHA / BHA ควรทาครีมบำรุงที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น เช่น Hyaluronic Acid, Glycerin หรือ Ceramides เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งตึง

- ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดเสมอ : เนื่องจาก AHA / BHA ทำให้ผิวไวต่อแสง ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA 3+ ทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้ออกแดดโดยตรง
- หยุดใช้ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ : หากมีอาการแดง คัน แสบ หรือผิวลอกมากผิดปกติ ให้หยุดใช้และสังเกตอาการทันที หากไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์
- แยกเวลาใช้กับสารที่อาจระคายเคืองร่วมกัน : เช่น วิตามินซี, Retinol หรือ Niacinamide (ในบางกรณี) ควรใช้คนละช่วงเวลา เช่น AHA / BHA ตอนกลางคืน และอีกสารหนึ่งในตอนเช้า หรือทิ้งช่วงห่างกัน 20–30 นาที
การใช้ AHA / BHA อย่างถูกวิธี ไม่เพียงแค่ลดโอกาสระคายเคือง แต่ยังช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น ผิวแข็งแรงขึ้น และปลอดภัยในระยะยาวครับ
สรุป AHA / BHA ห้ามใช้กับอะไรบ้าง ?
สำหรับคำถาม AHA / BHA ห้ามใช้กับอะไร ? คำตอบคือ ห้ามใช้คู่กับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C, Retinol, Benzoyl Peroxide และ Niacinamide (สำหรับผิวบาง) รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มี Alcohol สูงหรือสครับผิว
หมอแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่มีความเข้มข้นสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย การใช้ AHA/BHA อย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ลดสิว และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
อ้างอิง
- Evan Starkman. (2023, September 18). AHA and BHA for Skin: What to Know. Webmd. https://www.webmd.com/beauty/aha-bha-skin-exfoliate
- Tanya Ghahremani. (2023, May 23). 8 Skincare Ingredient Combinations That Don’t Mix Well. Byrdie. https://www.byrdie.com/skincare-ingredient-combinations-to-avoid