กันแดด Physical, Chemical, Hybrid คืออะไร ต่างกันอย่างไร ? Sunscreen ตัวไหนดีที่สุด

Physical, Chemical, Hybrid Sunscreen

กันแดด Physical, Chemical, Hybrid Sunscreen

ครีมกันแดดที่เราใช้กันในปัจจุบัน หากจัดประเภทตามส่วนผสม และกลไกที่ป้องกันผิวไหม้แดด (Sunburn) จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มครับ คือ Physical Sunscreen, Chemical Sunscreen และ Hybrid Sunscreen แต่ละประเภทคืออะไร ? มีกลไกต่างกันอย่างไร ? เลือกครีมกันแดดแบบไหนดีที่สุด ? หมอสรุปเรื่องที่ควรรู้ไว้ให้แล้วครับ

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจ


กันแดด Physical Sunscreen คืออะไร ?

กันแดด Physical Sunscreen คือ ครีมกันแดดที่ทำหน้าที่คล้ายเกราะ สะท้อนรังสี UV ให้กระจายออกไปจากผิว สามารถปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ หลังทาครีมจะเคลือบอยู่บนผิว และถูกดูดซึมเพียงเล็กน้อย จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่มักทิ้งคราบขาว และรู้สึกหนักผิว เหนียวเหนอะหนะ

Physical Sunscreen
Physical Sunscreen

คุณสมบัติครีมกันแดดที่เป็น Physical Sunscreen มีอะไรบ้าง ?

  • สะท้อนและกระจายรังสี UV ออกจากผิว
  • เคลือบอยู่บนผิว ไม่ซึมเข้าสู่ผิวหนัง
  • สารกันแดดทำงานได้ทันทีหลังทา
  • สลายตัวได้ยาก แม้สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง

ตัวอย่างสารกันแดดที่ใช้ใน Physical Sunscreen

Physical Sunscreen มีอีกชื่อว่า Mineral Sunscreen ครับ เพราะสารกันแดดที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นแร่ธาตุธรรมชาติอย่าง Titanium dioxide และ Zinc oxide ซึ่งเป็น 2 สารหลักที่มักมาคู่กันในครีมกันแดดหลาย ๆ ยี่ห้อครับ มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ แต่เนื้อหนัก ทาแล้วเหนอะหนะผิว

ข้อดีครีมกันแดด Physical

  • ปกป้องผิวได้จากทั้งรังสี UVA-I, UVA-II และ UVB
  • ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ไม่ตกค้าง โอกาสอุดตันรูขุมขนน้อย
  • ปลอดภัยต่อเด็กและสตรีมีครรภ์
  • ปกป้องผิวทันทีหลังทา
  • สลายตัวได้ยากแม้สัมผัสกับแสงแดด ไม่ต้องทาซ้ำบ่อย ๆ

ข้อจำกัดครีมกันแดด Physical

  • มักทิ้งคราบขาว ใช้ร่วมกับเครื่องสำอาง หรือเติมระหว่างวันได้ยาก
  • เนื้อค่อนข้างหนัก หลังทารู้สึกเหนียวเหนอะหนะ
  • ต้องใช้ในปริมาณมาก เพื่อประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด
  • เมื่อโดนน้ำและเหงื่อจะหลุดออกจากผิวได้ง่าย

กันแดด Chemical Sunscreen คืออะไร ?

กันแดด Chemical Sunscreen คือ ครีมกันแดดที่เราใช้งานมายาวนานที่สุดครับ ปกป้องผิวด้วยการดูดซับรังสี UV ไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนที่ไม่เป็นอันตรายกับผิว และปล่อยออกไป ทำให้รังสีไม่สามารถทะลุผ่านและทำอันตรายกับชั้นผิวหนังได้ หลังทาเนื้อครีมจะซึมลงผิวได้ดี ไม่หนักไม่เยิ้ม รู้สึกสบายผิว แต่มักใช้สารเคมีหลายชนิด เพื่อให้ปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อย่างครบถ้วน เลยอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่าย

Chemical Sunscreen
Chemical Sunscreen

Non Chemical Sunscreen คืออะไร ?

Non Chemical Sunscreen หรือครีมกันแดดไร้สารเคมี คือ อีกชื่อของ Physical Sunscreen ครับ ใช้แร่ธาตุเป็นส่วนผสมหลัก ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสี ไม่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนัง โอกาสแพ้น้อย

ตัวอย่างสารกันแดดที่ใช้ใน Chemical Sunscreen

Chemical Sunscreen เรียกอีกชื่อว่า Organic Sunscreen สารกันแดดที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีส่วนประกอบของธาตุคาร์บอน (Carbon atoms) เช่น Oxybenzone, Avobenzone, Octisalate, Octocrylene, Homosalate, และ Octinoxate มีคุณสมบัติดูดซับรังสี โดยเฉพาะรังสี UVB ได้ทุกชนิดครับ แต่ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA-I และ UVA-II จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมอื่น ๆ ที่ใส่มาในครีม

คุณสมบัติครีมกันแดด Chemical Sunscreen มีอะไรบ้าง ?

  • ดูดซับรังสี UV ไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว ก่อนปล่อยกลับสู่สิ่งแวดล้อม
  • สารกันแดดซึมเข้าสู่ผิวหนัง ทนต่อการชะล้างของน้ำและเหงื่อได้ดี
  • ประสิทธิภาพของสารกันแดดจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อดูดซับรังสี หากหมดคุณสมบัติแล้ว รังสี UV จะสามารถผ่านลงสู่ผิวได้ เสี่ยงเกิดปัญหาฝ้า กระ ผิวหน้าหมองคล้ำ

ข้อดีครีมกันแดด Chemical

  • เนื้อครีมบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ
  • ไม่ทิ้งคราบขาว ใช้ร่วมกับสกินแคร์ และเครื่องสำอางได้ง่าย
  • มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวได้ดี แม้ใช้ในปริมาณที่น้อยกว่า Physical Sunscreen
  • ปกป้องผิวจากรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด เกิดรอยแดง ผิวระคายเคือง
  • มีราคาถูก

ข้อจำกัดครีมกันแดด Chemical

  • อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง แพ้ครีมกันแดดได้ โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา
  • ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมในผลิตภัณฑ์
  • จำเป็นต้องทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง หากทำกิจกรรมกลางแจ้ง ที่โดนแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • อาจอุดตันรูขุมขน และทำให้เกิดสิวอักเสบตามมาได้
  • หลังทาต้องรออย่างน้อย 20-30 นาที เพื่อให้กันแดดเซ็ตตัวก่อน
  • ส่วนผสมบางชนิด เช่น Oxybenzone เป็นอันตรายต่อแนวปะการังและสัตว์น้ำ จึงมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสั่งห้ามครับ
  • หากแช่เย็น จะทำให้ครีมแยกชั้น และประสิทธิภาพของครีมลดลง

กันแดด Hybrid Sunscreen คืออะไร ?

กันแดด Hybrid Sunscreen คือ ครีมกันแดดที่รวมเอาข้อดีของ Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen ไว้ด้วยกันครับ ปกป้องผิวจากอันตรายของรังสี UVA และ UVB ได้อย่างครอบคลุม ด้วยการสะท้อนและดูดซับรังสี เนื้อครีมบางเบา ไม่ทิ้งคราบขาว มักมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้น จึงได้รับความนิยมมาก ครีมกันแดดส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นประเภทนี้ครับ

Hybrid Sunscreen
Hybrid Sunscreen

ตัวอย่างสารกันแดดที่ใช้ใน Hybrid Sunscreen

Hybrid Sunscreen มักใช้สารกันแดดที่สะท้อนและดูดซับรังสีได้ แต่มีความอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า Chemical Sunscreen เช่น

  • Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine
  • Tris-Biphenyl Triazine หรือ Tinosorb A2B
  • Methylene Bis-Benzotriazolyl Tetramethylbutylphenol หรือ Tinosorb M

คุณสมบัติครีมกันแดด Hybrid Sunscreen มีอะไรบ้าง ?

  • สะท้อนรังสี UV ให้กระจายออกไปจากผิว
  • ดูดซับรังสี UV บางส่วนที่ทะลุเข้ามา และเปลี่ยนเป็นความร้อนที่ไม่อันตรายต่อผิว
  • เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
  • ส่วนผสมมีความอ่อนโยน ลดโอกาสเกิดการแพ้ ระคายเคือง
  • มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

ครีมกันแดด Hybrid Sunscreen
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream SPF 40 PA+++

DR. V SQUARE Sunscreen Cream

ครีมกันแดด Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream ค่า SPF 40 PA+++ เป็น Hybrid Sunscreen ปกป้องผิวจากอันตรายของรังสี UVB, UVA-I, UVA-II, Blue Light และ IR อย่างมีประสิทธิภาพด้วย 3 กระบวนการ คือ สะท้อน กระเจิง และดูดซับ ในเนื้อเดียว สารกันแดดมีวิจัยรองรับ นำเข้าจากเยอรมนี มาพร้อมสาร Soothing Cooling จากเกาหลีใต้ ป้องกันผิวแสบร้อนหลังโดนแดด

Dr. V Square ได้พัฒนาสูตรให้มีความอ่อนโยน เหมาะกับทุกสภาพผิว เด็กและสตรีมีครรภ์สามารถใช้ได้ รวมถึงไม่ทำอันตรายต่อปะการัง เนื้อสัมผัสบางเบา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาว กันน้ำ สามารถทาก่อนแต่งหน้า หรือทาทับระหว่างวันทุก 4 ชั่วโมงครับ

ข้อดีครีมกันแดด Hybrid

  • ปกป้องผิวจากอันตรายของรังสีได้อย่างครอบคลุม ทั้งรังสี UVA และ UVB
  • มีโอกาสเกิดการระคายเคือง หรือแพ้ได้น้อยกว่า Chemical Sunscreen
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว อ่อนโยน ปลอดภัยต่อเด็กและสตรีมีครรภ์
  • ไม่ทิ้งคราบขาว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ร่วมกับเครื่องสำอางและสกินแคร์อื่น ๆ ได้ง่าย
  • ไม่เป็นอันตรายต่อปะการัง สามารถใช้ทาสำหรับกิจกรรมทางทะเล เช่น ดำน้ำ เล่นเซิร์ฟ

ข้อจำกัดครีมกันแดด Hybrid

  • ต้องทากันแดดให้ถูกวิธี เพื่อประสิทธิภาพปกป้องผิวเต็มที่
  • ต้องเติมกันแดดระหว่างวัน ตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์

ควรเลือกครีมกันแดด Physical / Chemical / Hybrid แบบไหนดีสุด ?

ครีมกันแดดแบบ Physical, Chemical และ Hybrid Sunscreen ล้วนมีจุดเด่นกันคนละแบบครับ ควรพิจารณาสภาพผิว และกิจกรรมที่ทำของตัวเองร่วมด้วย เพื่อให้ได้ครีมที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

  • กันแดดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน : ส่วนใหญ่เน้นใช้ครีมกันแดดที่ซึมเร็ว สบายผิว แต่งหน้าง่าย จะนิยมใช้ Hybrid Sunscreen ครับ ยิ่งถ้าผิวค่อนข้างแข็งแรง ไม่มีปัญหาผิว สามารถใช้ Chemical Sunscreen ได้
  • กันแดดสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นสิว : Physical Sunscreen เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ แต่ถ้ากังวลเรื่องความเหนอะหนะ Hybrid Sunscreen ถือเป็นตัวเลือกที่ดี มีหลายแบรนด์ที่สูตรอ่อนโยน เหมาะกับทุกสภาพผิว และผ่านการทดสอบ Non-comedogenic ซึ่งไม่มีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน ลดโอกาสเกิดสิว
  • กันแดดเติมระหว่าง : นิยมเลือก Chemical และ Hybrid Sunscreen เพราะเนื้อบางเบา ซึมง่าย เติมกันแดดระหว่างวันแล้วเมคอัพไม่เละ
  • กันแดดสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง : หากออกกำลังกายหนัก ๆ เหงื่อออกมาก Chemical Sunscreen จะเหมาะกว่า Physical Sunscreen เพราะทนน้ำและเหงื่อ แต่จะต้องเติมบ่อยครับ
  • กันแดดสำหรับกิจกรรมทางทะเล : นิยมใช้ Physical Sunscreen หรือ Hybrid Sunscreen สูตร Reef Safe และ Reef Friendly เพราะไม่มีสารที่อันตรายต่อแนวปะการังครับ รวมถึงควรเลือกกันแดดแบบกันน้ำ เพราะเกิดการชะล้างเวลาอยู่ในน้ำได้น้อยกว่าครีมกันแดดทั่วไป
  • กันแดดสำหรับหญิงตั้งครรภ์ : นิยมใช้ครีมกันแดดที่เป็น Physical Sunscreen หรือ Hybrid ครับ ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน

นอกจากนี้ต้องเลือกค่า SPF และค่า PA ให้เหมาะสมกับกิจกรรม ทากันแดดให้ถูกวิธี และหมั่นทาเป็นประจำทุกวัน หมอเคยเขียนไว้แล้วในบทความวิธีทากันแดดที่ถูกต้อง สำหรับผิวหน้า – ผิวกาย ให้ผิวสวยห่างไกลจากแสงแดด อ่านเพิ่มเติมได้ครับ

วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง
วิธีทากันแดดที่ถูกต้องสำหรับผิวหน้า
vsquare tips

ข้อควรรู้ : U.S. FDA แนะนำให้เลือกครีมกันแดดแบบ Broad Spectrum Sunscreen ที่สามารถปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA และ UVB มีค่า SPF 15 ขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงเกิดมะเร็งผิวหนัง และผิวแก่ก่อนวัย


Physical, Chemical, Hybrid Sunscreen แตกต่างกันอย่างไร ?

Physical, Chemical, Hybrid Sunscreen แตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพการปกป้องผิว เนื้อสัมผัสของครีม ระยะเวลาปกป้อง และผลข้างเคียงครับ หมอจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นในแต่ละประเด็น

ประสิทธิภาพการปกป้อง

ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดด เช่น อาการแสบร้อน ผิวไหม้แดด ฝ้า กระ และมะเร็งผิวหนัง Hybrid Sunscreen จะทำได้ดีและครอบคลุมที่สุดครับ เพราะสามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิว และยังมีคุณสมบัติดูดซับรังสีที่ทะลุผ่านเข้ามาอีกด้วย

ครีมกันแดดที่เป็น Physical Sunscreen จะปกป้องผิวจากทุกรังสีเช่นเดียวกัน แต่ต้องทาในปริมาณมากครับ หากทำกิจกรรมที่โดนน้ำและเหงื่อ ครีมก็จะหลุดออกจากผิวได้ง่ายกว่า ส่วน Chemical Sunscreen จะปกป้องผิวจากรังสี UVB เป็นหลัก รังสี UVA จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมอื่น ๆ ของครีม แต่ก็ทนต่อการชะล้างของน้ำและเหงื่อได้ดีกว่า Physical Sunscreen

เนื้อสัมผัสครีมกันแดด

  • Chemical Sunscreen : เนื้อบางเบาที่สุด ค่อนข้างใสกว่าประเภทอื่น เกลี่ยง่าย
  • Physical Sunscreen : เนื้อค่อนข้างหนัก สีขาวขุ่น มักทิ้งคราบขาวบนผิว
  • Hybrid Sunscreen : เนื้อสีขาวเหมือนกับ Physical Sunscreen แต่จะเกลี่ยง่ายกว่า ไม่เป็นคราบ
Chemical, Physical และ Hybrid Sunscreen
เปรียบเทียบเนื้อครีมกันแดด Chemical, Physical และ Hybrid Sunscreen

ระยะเวลาการปกป้อง

หากโดนแสงแดดจัด Chemical Sunscreen จะอยู่ได้สั้นที่สุดครับ เพราะคุณสมบัติของครีมจะลดลงเมื่อดูดซับรังสี UV ไว้มาก ๆ จำเป็นต้องเติมซ้ำทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ส่วนครีมกันแดดที่เป็น Physical Sunscreen และ Hybrid Sunscreen จะสลายตัวได้ยากแม้โดนแสงแดดจัด จึงอยู่ได้นานกว่า

ผลข้างเคียงการใช้กันแดด

ครีมกันแดดที่เป็น Physical Sunscreen จะเหมาะกับผิวบอบบางมากที่สุดครับ เพราะไม่ซึมเข้าสู่ผิวหนัง รองลงมาคือ Hybrid Sunscreen ที่มีส่วนผสมอ่อนโยนและปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ส่วน Chemical Sunscreen มักใส่สารเคมีหลายชนิดครับ หากผิวบอบบาง แพ้ง่ายมาก ๆ ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้


สรุปเรื่องกันแดด Physical, Chemical, Hybrid Sunscreen

ครีมกันแดดแต่ละประเภท ทั้ง Physical, Chemical, Hybrid Sunscreen ล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปครับ หากมองหาครีมกันแดดที่ปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม ใช้งานในชีวิตประจำวันร่วมกับสกินแคร์ และเครื่องสำอางได้ง่าย โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ Hybrid Sunscreen ถือเป็นตัวเลือกที่ดีครับ เพราะได้พัฒนาโดยนำเอาจุดเด่นของทั้ง Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ควรทากันแดดให้ถูกวิธี เพื่อปกป้องผิวได้เต็มประสิทธิภาพครับ