สิวอักเสบ เกิดจากอะไร มีกี่แบบ พร้อมวิธีรักษา และดูแลตัวเองไม่ให้สิวลาม

สิวอักเสบ

สิวอักเสบ

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มักสร้างความกังวลให้ใครหลายคน แม้ว่าจะรักษาสิวอักเสบ ที่มีลักษณะเป็นสิวหัวแข็ง หรือสิวอักเสบไม่มีหัวบวมแดงเป็นก้อนจนหายไปแล้ว แต่ก็มักจะทิ้งรอยสิวไว้ให้เห็นต่างหน้าครับ และมีความเป็นไปได้ ว่าจะมีโอกาสกลับมาหน้าเป็นสิวอักเสบได้อีกครั้ง 

ในบทความนี้หมอมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับสิวอักเสบมาฝาก สิวอักเสบเกิดจากอะไร มีลักษณะเป็นแบบไหน บีบสิวอักเสบหัวหนองได้ไหม รักษาด้วยวิธีไหนได้ผลบ้าง ผู้อ่านสามารถติดตามได้ผ่านบทความนี้เลยครับ

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับสิวอักเสบ


สิวอักเสบ คืออะไร ?

สิวอักเสบ คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดการอักเสบเรื้อรังตรงบริเวณรูขุมขน และ ต่อมไขมัน สิวอักเสบมักพัฒนามาจากสิวอุดตันและสิวผด โดยจะมีแบคทีเรียที่มีชื่อว่า P.acnes (พี-แอคเน่) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว 

ซึ่ง P.acnes มีความสามารถในการดึงเม็ดเลือดขาว ให้เข้ามาอยู่ในตุ่มสิว ทำให้เกิดการกระตุ้นจนมีอาการอักเสบเกิดขึ้น และยังมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยน้ำมันในตุ่มสิว ให้กลายเป็นกรดไขมัน ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการอักเสบเพิ่มอีกด้วยครับ

สิวอักเสบ
สิวอักเสบ เกิดจากการอักเสบบริเวณรูขุมขน และ ต่อมไขมัน

สิวอักเสบ เกิดจากสาเหตุอะไร ?

  • ฮอร์โมน : การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน จะส่งผลต่อการเกิดสิวอักเสบ โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) และ เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ในเพศชาย ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จนผลิตน้ำมันออกมาเพิ่ม ทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน จนกลายเป็นสิวอุดตัน และพัฒนาเป็นสิวอักเสบครับ
  • แบคทีเรีย : การมีเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes หรือ P.acnes เติบโตอยู่ในตุ่มสิว จะทำให้เกิดการย่อยไขมัน จนกลายเป็นกรดไขมัน ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นจนเกิดสิวอักเสบที่บริเวณดังกล่าว 
  • กรรมพันธุ์ : หากคนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ เคยเป็นสิวในช่วงวัยรุ่น มีผิวมันง่าย รูขุมขนกว้าง ลูก ๆ จะมีแนวโน้มเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน เพราะสภาพผิวที่มัน จะทำให้ง่ายต่อการเกิดสิวอักเสบ
สิวอักเสบเกิดจากกรรมพันธุ์
หากพ่อ แม่ เป็นสิวอักเสบเยอะในช่วงวัยรุ่น ลูก ๆ ก็มีโอกาสเกิดสิวได้
  • การสัมผิสผิวหน้า : การสัมผัสผิวหน้า เช่น การเท้าคาง เอามือลูบหน้า การบีบสิว แคะ เกา ฯลฯ จะทำให้สิวหรือพื้นผิวบริเวณดังกล่าว มีโอกาสเกิดสิวอักเสบขึ้นมาได้ครับ เนื่องจากมือของเราไม่สะอาด ทำให้สิ่งปนเปื้อนสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรง จนเกิดสิวเม็ดเล็ก ๆ ขึ้น หรือหากมีสิวอุดตันอยู่แล้ว ก็จะกลายเป็นสิวอักเสบได้
  • ไลฟ์สไตล์ : การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการกระตุ้นฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งฮอร์โมนบางตัว จะกระตุ้นการทำงานที่ต่อมไขมันของเราครับ เมื่อผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มขึ้นเกินความจำเป็น ก็จะเกิดสิวได้ง่าย และอาจจะพัฒนาเป็นสิวอักเสบต่อไป
  • เครื่องสำอาง : การใช้เครื่องสำอาง เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ เพราะบางคนอาจจะมีสิวอุดตันขึ้นอยู่แล้ว เมื่อถูกสารจากเครื่องสำอางกระตุ้นตอนแต่งหน้า อาจจะทำให้สิวอักเสบขึ้นครับ
สิวอักเสบจากการใช้เครื่องสำอาง
การแต่งหน้า มีส่วนกระตุ้นสิวอุดตัน ให้กลายเป็นสิวอักเสบได้
  • ความเครียด : คนที่เครียดง่าย มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่าย เพราะร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติโซล (Cortisol) ที่จะส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผลิตน้ำมันออกมากเกินปกติครับ หากมีความเครียดสะสมก็จะทำให้หัวสิวธรรมดา กลายเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน
  • มลภาวะทางอากาศ : ฝุ่น และ ควัน มีส่วนช่วยกระตุ้นให้สิวอุดตันบนใบหน้า กลายเป็นสิวอักเสบได้ เพราะมลภาวะทางอากาศที่เราเจอระหว่างวัน จะสัมผัสกับผิวหน้าของเราโดยตรง 
  • การใช้ยา : การใช้ยาที่มีส่วนผสม Corticosteroids, Anabolic Steroids, Isoniazid, Phenytoin, Corticotropin, Lithium, Vitamin B6 และ B12 อาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ทำให้สิวที่เคยมีอยู่แล้ว กลายเป็นสิวอักเสบได้ หลังจากใช้ยาที่มีส่วนผสมเหล่านี้

ลักษณะสิวอักเสบ มีทั้งหมดกี่แบบ ?

ลักษณะสิวอักเสบแบ่งออกได้ 5 ดังนี้

1. สิวหัวหนอง (Pustule)

สิวหัวหนอง
สิวหัวหนอง (Pustule)

สิวหัวหนอง เกิดจากสิวอักเสบที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน โดยลักษณะสิวหัวหนองจะเป็นตุ่มแดง  ไม่เป็นไต และมีหัวหนองสีเหลืองอยู่บริเวณด้านบนตุ่ม เป็นสิวอักเสบที่มีอาการรุนแรง มากกว่าสิวตุ่มนูนแดง คนที่เป็นสิวอักเสบหัวหนองบางราย อาจมีอาการปวดร่วมด้วยครับ

2. สิวตุ่มนูนแดง (Papule)

สิวตุ่มนูนแดง
สิวตุ่มนูนแดง (Papule)

สิวตุ่มนูนแดง มีอีกชื่อที่คนนิยมเรียก คือ สิวหัวช้างไม่มีหัว เกิดจากสิวอุดตันที่มีอาการอักเสบในระยะแรก ๆ โดยสิวอักเสบประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง หากสัมผัสโดนจะรู้สึกเจ็บ ขนาดของเม็ดสิวจะไม่เกิน 0.5 cm.

3. สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)

สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก
สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)

สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก เกิดจากการบีบหรือกดสิวตุ่มนูนแดง ทำให้น้ำมันภายในตุ่มสิว และแบคทีเรียแตกกระจายตัวอยู่ใต้ผิวหนัง แล้วเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้นในบริเวณดังกล่าว ลักษณะสิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก คือ จะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง ไม่มีหัวสิว บางรายอาจมีอาการเจ็บและรู้สึกปวด

4. สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)

สิวหัวช้าง
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)

​​สิวหัวช้าง เป็นสิวระดับรุนแรงมากครับ เกิดจากการที่สิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันจนหนาแน่น ลักษณะของสิวหัวช้าง จะมีรอยนูนแดง บวม มีหัวหนองเห็นได้ชัดเจน ตุ่มสิวอักเสบแข็งกว่าสิวซีสต์ หากเป็นสิวอักเสบประเภทนี้แล้วจะรักษาได้ยากขึ้น ยิ่งรักษาสิวแบบผิดวิธี จะทำให้สิวเกิดการลุกลาม เซลล์ผิวถูกทำลาย จนกลายเป็นหลุมสิวถาวร หรือเกิดรอยแผลเป็นได้ครับ

5. สิวซีสต์ (Acne Cyst)

สิวซีสต์
สิวซีสต์ (Acne Cyst)

สิวซีสต์ เป็นสิวอักเสบระดับรุนแรงที่สุดครับ เกิดจากการอุดตันรูขุมขนและเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้เกิดอาการอักเสบใต้ผิวหนังชั้นลึก โดยมีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง ภายในอาจมีหนองสีขาวเหลืองอยู่ตรงกลางตุ่มสิว เมื่อสัมผัสโดนจะรู้สึกเจ็บ หากสิวซีสต์แตกออกจนหนองไหล อาจทำให้เกิดสิวลุกลามตามมาได้


รักษาสิวอักเสบ ลดสิวอักเสบ มีวิธีอย่างไร ?

วิธีรักษาสิวอักเสบไม่มีหัวบวมแดง หรือ สิวอักเสบมีหัว สามารถทำได้หลายวิธีครับ โดยหมอจะสรุปวิธีรักษาสิวให้ผู้อ่านได้ทราบเป็นข้อ ๆ ดังนี้

1. รักษาด้วยการกดสิวอักเสบ

การกดสิวอักเสบ
การกดสิวอักเสบ แบบไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ควรทำโดยแพทย์ผิวหนัง

การกดสิวอักเสบ เป็นวิธีรักษาที่ได้รับความนิยมครับ เหมาะกับสิวอักเสบมีหัวหนอง เพราะหัวสิวอยู่ตื้น ทำให้กดออกได้เลย แต่ต้องกดสิวอักเสบอย่างถูกวิธีด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ หากกดสิวอักเสบโดยแพทย์ จะมีการเจาะหัวสิวอักเสบ เพื่อเปิดให้หัวหนองออกง่าย ๆ ครับ โดยจะไม่มีรอยสิว หรือรอยแผลเป็นภายหลัง

การรักษาด้วยการกดสิวอักเสบเอง จะไม่เหมาะกับสิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์ เพราะอาจจะต้องกรีดผิวหนัง เพื่อระบายหัวหนองออก จากนั้นจะต้องทำความสะอาดบริเวณสิว และมีการทายาปฏิชีวนะ เพื่อลดความรุนแรงลง จึงจำเป็นต้องกดสิวอักเสบประเภทนี้ ด้วยเครื่องมือกดสิวเฉพาะทาง และทำการรักษาโดยแพทย์เท่านั้นครับ

2. รักษาด้วยการฉีดสิวอักเสบ

การฉีดสิวอักเสบ
รักษาสิว ด้วยการฉีดสิวอักเสบ

การฉีดสิวอักเสบ เป็นวิธีรักษาสิวอักเสบแบบเร่งด่วนครับ โดยจะใช้สารที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบ เช่น กลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ฉีดลงบนตุ่มสิว เพื่อยับยั้งอาการอักเสบ และบวมแดงของตุ่มสิว 

การฉีดสิวอักเสบจะเริ่มเห็นผลภายใน 1-3 วัน เหมาะกับสิวอักเสบที่ไม่มีหัว มีอาการบวม เป็นมานานเรื้อรัง แบบไม่มีท่าทีว่าจะหาย โดยก่อนที่จะฉีดสิว แพทย์จะทำการประเมินก่อนครับ ว่าสิวบริเวณนั้นเหมาะกับการรักษาด้วยการฉีดสิวหรือไม่ ?

3. การทายาลดสิวอักเสบเฉพาะที่

การทายาลดสิวอักเสบเฉพาะที่
การรักษาด้วยการทายาลดสิวอักเสบ มีผลข้างเคียงน้อย

การทายาลดสิว เป็นวิธีรักษาสิวอักเสบที่นิยมที่สุดครับ เพราะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการทานยารักษาสิว โดยการทายาลดสิวจะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวระดับปานกลาง-รุนแรง กลุ่มยาที่ทารักษาสิวได้ เช่น

  • ยาทาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ (Topical antibiotics) 
  • ยาทาเรตินอยด์ หรือ อนุพันธ์ของกรด Vitamin A
  • ยากลุ่ม Benzoyl Peroxide 

ซึ่งการทายารักษาสิว หมอแนะนำว่าควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง หรือเภสัชกรครับ เพราะหากใช้ผิดวิธี อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้

4. การทานยาลดสิวอักเสบ

การทานยาลดสิวอักเสบ
การรักษาสิวอักเสบด้วยการทานยา ต้องทานยาตามที่แพทย์จ่ายให้เท่านั้น

การรักษาสิวอักเสบด้วยการทานยา จะเป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะ รวมถึงปรับฮอร์โมนในร่างกายครับ ก่อนที่จะกินยาลดสิวอักเสบ คนไข้ต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง จากนั้นแพทย์จะจ่ายยารักษาสิวตามอาการให้เราครับ ซึ่งเราห้ามซื้อยารักษาสิวทานเองโดยเด็ดขาด ! เพราะการทานยาลดสิวอักเสบ อาจจะส่งผลข้างเคียงได้ครับ โดยกลุ่มยาที่แพทย์จะจ่ายให้คนไข้ มีดังนี้

  • ด็อกซีไซคลีน (Doxycycline)
  • ไอโสเตรตินอย (Isotretinoin)
  • เซฟาเลกซิน (Cephalexin)
  • ยาคุมกำเนิด

5. การใช้แผ่นแปะสิวลดสิวอักเสบ

รักษาสิวอักเสบด้วยแผ่นแปะสิว
การรักษาสิวอักเสบด้วยแผ่นแปะสิว

การติดแผ่นแปะสิวบริเวณสิวอักเสบ ได้รับความนิยมเช่นกันครับ เพราะสามารถดึงเอาหัวสิวออกมาได้อย่างรวดเร็ว หลักการดูดหัวสิว คือ แผ่นแปะสิวจะดึงเอาน้ำ ของเหลว และไขมันส่วนเกิน ออกมาจากตรงที่เป็นสิวอักเสบ ทำให้หัวสิวแห้งไว เหมาะกับสิวอักเสบบริเวณผิวชั้นบนเท่านั้น หากเป็นสิวอักเสบใต้ผิวหนัง การติดแผ่นแปะสิวจะดูดสิวหัวหนองไม่ได้ครับ

6. การเลเซอร์รักษาสิวอักเสบ

เลเซอร์ลดสิวอักเสบ
รักษาสิวอักเสบด้วยการทำเลเซอร์ฆ่าเชื้อสิว

เลเซอร์สิว เป็นการรักษาสิวอักเสบด้วยแสงเลเซอร์ โดยจะเป็นการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ที่เป็นต้นตอของสาเหตุการเกิดสิว ตัวอย่างเลเซอร์รักษาสิวอักเสบ หรือสิวอุดตัน เช่น

  • CO2 Laser
  • Dual Yellow
  • Omnilux

7. การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าลดการเกิดสิวอักเสบ

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าในขณะที่เป็นสิวอักเสบ สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า สกินแคร์ดูแลผิว และครีมกันแดดครับ เพราะเป็นการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน ที่จำเป็นสำหรับการปกป้องผิวจากสิวอักเสบ

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า

เมื่อเป็นสิวอักเสบ เราควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ที่คนเป็นสิวสามารถใช้ได้ เป็นสูตรอ่อนโยน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ที่สำคัญต้องทำความสะอาดผิวหน้าได้ดี ลดสิ่งอุดตัน ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบครับ 

Dr. V Square Soft Cleansing Mousse ล้างหน้าป้องกันสิว

หมอขอแนะนำ Dr. V Square Soft Cleansing Mousse มูสโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ที่เนื้อสัมผัสเป็นฟองนุ่ม ละเอียด ที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และลดสิ่งอุดตันบนใบหน้า อันเป็นสาเหตุของสิวอักเสบได้อย่างล้ำลึก หลังทำความสะอาดผิวหน้าจะชุ่มชื้นขึ้น สามารถทายารักษาสิวอักเสบตามได้ โดยที่หน้าไม่แห้งตึง

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลดสิว

สกินแคร์ที่เหมาะกับการใช้บำรุงผิวและลดสิวอักเสบ จะมีส่วนผสมของกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids : AHA) และ กรดเบต้าไฮดรอกซี  (Beta Hydroxy Acid : BHA) เพราะเป็นกรดอ่อนที่มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน ที่เป็นต้นตอของการเกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยให้รูขุมขนกระชับ รอยสิวแลดูจางลงอีกด้วยครับ

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

แม้ว่าจะเป็นสิวอักเสบ เราก็ไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดครับ เพราะแสงแดดและมลภาวะ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระตุ้นการอักเสบของสิว เมื่อเป็นสิวอักเสบ เราควรเลือกครีมกันแดดคุมมัน เพราะจะไม่รู้สึกเหนอะหนะผิว ที่สำคัญ คือ ควบคุมความมันระหว่างวันได้ดีครับ

Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream กันแดดไม่เกิดสิว

หมอขอแนะนำ Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream ครีมกันแดดแบบ Hybrid มาตรฐานเยอรมัน ที่มีส่วนช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB, Blue Light และ Infrared ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการเกิดสิวอักเสบ ครีมกันแดดตัวนี้สามารถทาได้ทุกสภาพผิวครับ เนื้อสัมผัสเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ พร้อมช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

คลิกอ่านเพิ่มเติม : วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง สำหรับผิวหน้า – ผิวกาย ให้ผิวสวยห่างไกลจากแสงแดด


สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด ต้องหาหมอหรือไม่ ?

หากมีสิวอักเสบเห่อขึ้นไม่หยุด แล้วกระจายเป็นวงกว้าง ทางหมอ Dr. V Square แนะนำว่าให้รีบเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังโดยเร็วที่สุดครับ เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินอาการ และวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง ยิ่งปล่อยไว้นาน ก็มีโอกาสที่สิวอักเสบจะมีอาการรุนแรงขึ้น แถมยังทำให้เราเสียความมั่นใจอีกด้วยครับ


วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอักเสบหัวหนอง 

นอกจากการทานยารักษาสิว ทายาลดสิวอักเสบเฉพาะที่แล้ว ใครที่เป็นสิวอักเสบแล้วดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย จะช่วยเพิ่มโอกาสให้สิวอักเสบมีอาการดีขึ้น ลดอาการสิวลาม โดยวิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอักเสบมีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางเมื่อหน้าเป็นสิวอักเสบ หากจำเป็นต้องแต่งหน้า ก็ควรแต่งให้น้อยที่สุดครับ จะได้ลดการกระตุ้นการอักเสบที่เม็ดสิว
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดนอน ไม่นอนดึก
  • ออกกำลังกาย หรือทำงานอดิเรก เพื่อลดความเครียดสะสม
  • ทานยา และทายาลดสิวอักเสบ ตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
  • ดื่มน้ำเปล่าสะอาด ให้เพียงพอต่อความต้องการ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณสิวอักเสบ งดการแกะ แคะ บีบ เกา
  • ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
  • ไม่ทานยาลดสิว เช่น  ยาคุมกำเนิด ยาปรับฮอร์โมน ยาสเตียรอยด์ หรือฉีดสิวอักเสบด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด

วิธีป้องกันสิวอักเสบ

การป้องกันสิวอักเสบเบื้องต้นด้วยตัวเอง สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ครับ

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใบหน้า งดบีบสิว แกะ แคะ เกา
  • หมั่นดูแลสุขอนามัยอยู่เสมอ เช่น เปลี่ยนชุดผ้าปูที่นอน ซักเสื้อผ้าให้สะอาด ทำความสะอาดสถานที่อยู่อาศัย เพื่อลดมลภาวะ ที่เป็นปัจจัยในการเกิดสิวอักเสบ และสิวประเภทอื่น ๆ
  • หากิจกรรมทำ เพื่อลดความเครียดสะสม เช่น ออกกำลังกาย ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทานผักและผลไม้ รวมถึงทาวิตามินอาหารเสริม
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิว ให้เหมาะกับสภาพผิว
ป้องกันสิวอักเสบได้ด้วยตัวเอง
การดูแลตัวเองอย่างดี ช่วยป้องกันการเกิดสิวอักเสบได้

คำถามที่บ่อยเกี่ยวกับสิวอักเสบ

สามารถบีบสิวอักเสบเองได้ไหม ?

หมอไม่แนะนำให้บีบสิวอักเสบด้วยตัวเองครับ 

เพราะการบีบสิวอักเสบ รวมถึงการแคะ แกะ เกา จะทำให้เกิดอาการอักเสบรุนแรงขึ้นได้ แถมยังทิ้งรอยสิว หลุมสิว เป็นของแถมอีกด้วยครับ หากต้องการบีบสิวอักเสบ ควรเข้ารับการกดสิวโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น

รักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง ทำได้หรือไม่ ?

เมื่อเป็นสิวอักเสบรุนแรง และกระจายทั่วใบหน้า เราไม่ควรรักษาสิวด้วยตัวเองครับ แต่ควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม ยิ่งปล่อยไว้นานจะทำให้เราสูญเสียความมั่นใจ และมีโอกาสที่สิวอักเสบจะเกิดเพิ่มขึ้นได้ครับ

สิวอักเสบ รักษาด้วยวิธีธรรมชาติได้ไหม ?

หากเป็นการใช้สมุนไพรธรรมชาติ รักษาสิวอักเสบรุนแรงที่กระจายทั่วใบหน้า หมอไม่แนะนำครับ เพราะอาจจะทำให้สิวอักเสบเห่อขึ้นได้ คนไข้ที่มีสิวอักเสบรุนแรง ควรเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้แพทย์ประเมิน และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม โดยจะเป็นการรักษาระยะยาวแบบปลอดภัย และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดรอยสิว หลุมสิว รอยแดง รวมถึงรอยแผลเป็นด้วยครับ

การฉีดสิวอักเสบ ทำให้สิวยุบลงเร็วที่สุด
การฉีดสิวอักเสบ เม็ดสิวจะเริ่มยุบประมาณ 1-3 วันหลังฉีด

วิธีทำให้สิวอักเสบยุบเร็วที่สุด ต้องทำอย่างไร ?

วิธีที่ทำให้สิวอักเสบยุบเร็วที่สุด คือ การฉีดสิว เพราะสิวอักเสบจะเริ่มยุบประมาณ 1-3 วันหลังฉีดครับ โดยจะเป็นการฉีดยาที่ตุ่มสิว ด้วยสารที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบ นิยมใช้เป็นสารกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ซึ่งการฉีดสิวอักเสบต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้นครับ

มีวิธีทำให้สิวอักเสบยุบภายใน 1 คืน หรือไม่ ?

การฉีดสิวอักเสบ จะทำให้สิวยุบตัวลงภายใน 1-3 วันหลังฉีด

แต่ไม่ใช่สิวอักเสบทุกเม็ดครับ ที่แพทย์จะฉีดรักษาให้ ส่วนใหญ่จะฉีดลดสิวในกรณีที่คนไข้มีสิวอักเสบขึ้นแบบไม่มีหัว เป็นถุงใต้ผิวหนัง มีอาการอักเสบจนมีขนาดใหญ่ เป็นสิวอักเสบมานาน โดยไม่มีท่าทีว่าสิวจะหาย ซึ่งต้องฉีดลดสิวอักเสบโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ห้ามฉีดสิวอักเสบด้วยตัวเองโดยเด็ดขาด

เป็นสิวอักเสบ จะหายขาดไหม ?

การรักษาสิวอักเสบ รวมถึงสิวประเภทอื่น ๆ จะไม่หายขาดถาวรตลอดชีวิตครับ มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นสิวอักเสบได้ตลอดเวลา ยิ่งเข้ารับการรักษาเร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้สิวอักเสบหายไวขึ้นเท่านั้น


สรุปเรื่องสิวอักเสบ

สิวอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัยครับ เราสามารถรักษาสิวอักเสบให้หายได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา ไม่มีการรักษาไหนที่ทำให้สิวอักเสบหายขาดไปได้เลยเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากรักษาสิวอักเสบแล้ว มีโอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบซ้ำได้ตลอดเวลา 

วิธีรักษาสิวอักเสบที่ดีที่สุด ที่หมอแนะนำ คือ การเข้ารับการรักษาสิวกับแพทย์ผิวหนัง โดยแพทย์จะประเมินอาการ และทำการรักษาสิวอักเสบให้เหมาะกับปัญหาผิวของเรา โดยจะทำให้สิวอักเสบหายไวขึ้น และยังลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นจากสิวอักเสบได้อีกครับ