บอกลาหน้าโทรม หมองคล้ำ ด้วย 18 วิธีกู้ผิวโทรม คืนความสดใสให้ใบหน้า

หน้าโทรม(1)

หน้าโทรม

ปัญหาผิวหน้าโทรม หมองคล้ำ ไม่สดใส เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจครับ ยิ่งรูขุมขนกว้าง เป็นสิวขึ้น หรือมีริ้วรอยก่อนวัย ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าดูโทรมมากขึ้นอีกด้วย หากต้องการเพิ่มความกระจ่างใส ปรับผิวให้เรียบเนียน อิ่มฟู สามารถเริ่มจากการดูแลตัวเอง และทำควบคู่กับหัตถการทางการแพทย์ เพื่อให้เห็นผลชัดเจนครับ

หน้าโทรม เกิดจากอะไร ? วิธีแก้หน้าโทรมแบบเร่งด่วน ทำได้อย่างไรบ้าง ? ใช้เวลานานไหม กว่าผิวจะใส ? หมอได้รวบรวมคำตอบมาให้แล้ว

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับหน้าโทรม


ผิวหน้าโทรม เกิดจากอะไร ?

ผิวหน้าโทรม สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีฝ้า กระ ริ้วรอย สามารถเกิดได้จากอายุที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ร่วมกับการกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น แสงแดด สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันครับ

แต่ละปัจจัยทำให้หน้าหมองคล้ำโทรม ผิวเสื่อมสภาพได้อย่างไร ? หมอจะอธิบายให้ฟัง

  • อายุมากขึ้น : เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวจะเสื่อมสภาพร่วมกับการทรุดตัวของกระดูกบนใบหน้า ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก และใบหน้าตอบลงได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือเครียดสะสม ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการผลิตเมลานินออกมามากขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำ โทรม ขอบตาดำ เกิดฝ้า กระ ได้ง่าย
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต : หลาย ๆ พฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่ได้ทำลายแค่สุขภาพครับ แต่ยังทำลายผิวอีกด้วย ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ หน้าโทรมมากขึ้น เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และดื่มน้ำน้อย
  • แสงแดด : ภายในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ที่ทำลายผิวได้ลึกถึงโครงสร้าง ส่งผลให้ผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย
  • สภาพแวดล้อมและอากาศ : อากาศที่เย็นและแห้ง เช่น ภายในห้องแอร์ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวแห้ง ผิวแตก เป็นขุยลอก และเกิดริ้วรอยได้ง่าย

หน้าโทรมหมองคล้ำ และปัญหาผิว ส่งผลต่อใบหน้าอย่างไรบ้าง ?

หน้าโทรม หมองคล้ำ และปัญหาผิวต่าง ๆ ล้วนทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดชื่น และดูแก่กว่าวัยได้ครับ หากไม่ได้รับการดูแลผิวพรรณที่ถูกต้อง ก็จะเกิดปัญหาเหล่านี้ตามมาได้

  • ขอบตาดำคล้ำเพิ่มขึ้น

ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ เป็นจุดรวมสายตาของคู่สนทนาครับ หากมองเห็นความหมองคล้ำหรือเส้นเลือดใต้ดวงตา จะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส นอกจากนี้ผิวบริเวณนี้ค่อนข้างบอบบาง ใครที่ขยี้ตา หรือบีบนวดแก้ดวงตาล้าบ่อย ๆ จะยิ่งทำให้สีผิวเข้มขึ้น ใบหน้าโทรมขอบตาดำคล้ำอย่างชัดเจน

หน้าโทรมขอบตาคล้ำ
หน้าโทรมขอบตาคล้ำ
  • รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน

หน้าโทรมรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน เกิดจากร่างกายผลิตความมันออกมาบนผิวมากขึ้น ทำให้ผิวดูมันเยิ้ม หมองคล้ำ และสังเกตเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน รวมถึงเป็นสาเหตุของสิวอุดตัน และสิวชนิดอื่น ๆ ครับ

หน้าโทรมรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
หน้าโทรมรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
  • หน้าเป็นสิวขึ้น

หน้าโทรมเป็นสิวขึ้น สิวเห่อ เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ความมันส่วนเกินบนใบหน้า ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง แพ้ส่วนผสมของสกินแคร์ ผลข้างเคียงของยาบางชนิด หรือกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง แม้สิวหายแล้ว ก็มักทิ้งรอยดำ หลุมสิว ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอได้

หน้าโทรมเป็นสิวขึ้น
หน้าโทรมเป็นสิวขึ้น

18 วิธีแก้หน้าโทรม ที่ช่วยกู้ผิวให้สดใส 

สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ริ้วรอยก่อนวัย รูขุมขนกว้าง หรือสิว หมอได้รวบรวมวิธีกู้หน้าโทรม ปรับผิวให้สดใส ทั้งแบบธรรมชาติ และแบบเร่งด่วนมาฝากครับ แต่ละวิธีแตกต่างกัน ดังนี้ 

1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

การทาครีมกันแดดเป็นพื้นฐานการสร้างผิวที่แข็งแรง เสริมเกราะป้องกันผิวจากรังสี UV ครับ

ใครที่ต้องการกู้หน้าโทรม ผิวหมองคล้ำ แห้งเสีย สีผิวไม่สม่ำเสมอ เติมความชุ่มชื้น รวมถึงปกป้องผิวจากฝ้าแดด จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อยวัย และกระแดด ควรเริ่มจากการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 และ PA 3+ เป็นประจำทุกวัน

DR. V SQUARE Sunscreen Cream

Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า SPF 40 PA+++ ช่วยเติมความชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB, Blue Light และ IR อย่างสมบูรณ์แบบถึง 3 ขั้นตอน ด้วยเนื้อครีมนำเข้าจากประเทศเยอรมนี ผสานคุณค่าสารสกัด Soothing Cooling นำเข้าจากประเทศเกาหลี ป้องกันผิวแสบร้อนหลังโดนแดด

ทางหมอ Dr. V Square ได้พัฒนาสูตรครีมให้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่ายครับ ครีมมีสารคงตัว เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่เหนียวเหนอะ ไม่ทิ้งคราบขาว หลังทาสามารถออกแดดได้ทันที 

คลิกอ่านเพิ่มเติม : วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง สำหรับผิวหน้า – ผิวกาย ให้ผิวสวยห่างไกลจากแสงแดด

2. ใช้สกินแคร์บำรุงผิวให้แข็งแรง

แนะนำให้ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก แอซิด, วิตามินอี และเชียบัตเตอร์ เพื่อเสริมสร้างปราการผิว (Skin Barrier) ให้แข็งแรง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ และเชื้อโรคต่าง ๆ

รวมถึงกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวยืดหยุ่น เปล่งปลั่ง สุขภาพดี หากต้องการเพิ่มความกระจ่างใส แก้หน้าโทรมหมองคล้ำ ลดจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ สามารถเลือกครีม เซรั่มหน้าใส ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี และไวเทนนิ่งได้ครับ

สิ่งที่สำคัญ คือ การเลือกเนื้อครีมให้เหมาะสมกับสภาพผิว และเลือกสูตรอ่อนโยน ช่วยลดโอกาสเกิดการระคายเคือง อาการแพ้ และควรใช้งานต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลง

ใช้สกินแคร์กู้หน้าโทรม
ใช้สกินแคร์บำรุงผิวให้แข็งแรง

3. เพิ่มความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์

ความชุ่มชื้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวยืดหยุ่น สุขภาพดี ดูสดใส ไม่โทรม การทามอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยเติมน้ำหล่อเลี้ยงผิว ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และล็อกความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ตึงกระชับ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เนื้อเจลบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อป้องกันการอุดตัน

4. มาสก์หน้าบำรุงผิว

มาสก์หน้าเป็นวิธีกู้หน้าโทรม เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ที่ทำได้ง่าย สามารถใช้ของภายในบ้าน เช่น แตงกวา เจลว่านหางจระเข้ มะเขือเทศ หรือใช้แผ่นมาสก์สำเร็จรูป ที่มีให้เลือกหลายสูตรครับ

สำหรับใครที่ใช้แผ่นมาสก์สำเร็จรูปสูตรลดจุดด่างดำ เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว ควรใช้แค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพราะมักมีสารที่ทำให้ผิวบางลงได้ หากต้องการมาสก์หน้าทุกวัน แนะนำสูตรเน้นความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิวอิ่มฟู สดใส

มาสก์หน้าแก้หน้าโทรม
มาสก์หน้าบำรุงผิวแก้หน้าโทรม

5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเคล็ดลับสุขภาพผิวดีครับ ช่วยปรับสมดุลระบบในร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ หลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ช่วยซ่อมแซมผิวได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวสดใส เป็นวิธีแก้หน้าโทรมที่ยั่งยืน 

6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ตามน้ำหนักตัว

การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดการอุดตันของผิว และยังช่วยคงความชุ่มชื้น ทำให้ผิวอิ่มน้ำ สุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน ไม่ลอก ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการตามน้ำหนักตัว สามารถคำนวณได้จากสูตรนี้

ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน (ml) = น้ำหนักตัว (kg)/2 x 2.2 x 30

ยกตัวอย่างเช่น หากมีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวันจะเท่ากับ 50/2 x 2.2 x 30 = 1650 ml หรือ 1.65 ลิตร

สูตรคำนวณน้ำที่ต้องดื่มต่อวัน
สูตรคำนวณปริมาณน้ำที่ต้องดื่มต่อวันตามน้ำหนักตัว

7. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) จะอยู่ในอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี และซีลิเนียมครับ แนะนำให้กินผักผลไม้ ธัญพืช หรืออาหารทะเล เช่น มะเขือเทศ ฟักทอง ปลาทะล เมล็ดทานตะวัน ไข่ไก่ กุ้ง และหอย

เพราะมีสารอาหารในกลุ่มวิตามินและเกลือแร่ ทำหน้าที่ยับยั้งสารอนุมูลอิสระ ที่ทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ หน้าโทรม แก่กว่าวัย

8. ทานวิตามินบำรุงผิว

การกินวิตามินหรืออาหารเสริมบำรุงผิว นิยมกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน ความแข็งแรงให้ผิว ยับยั้งเม็ดสีเมลานิน ที่เป็นสาเหตุทำให้หน้าโทรมหมองคล้ำ

เช่น วิตามินซี, Grape Seed, Lycopene, CoQ10, Astaxanthin จำเป็นต้องกินต่อเนื่องอย่างน้อย 4 เดือน เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก 

ก่อนกินวิตามินควรปรึกษากับเภสัชกรหรือแพทย์เสมอครับ เพราะการกินวิตามินบางชนิดอาจส่งผลเสียต่อโรคประจำตัวได้ นอกจากนี้ควรศึกษาข้อมูลของวิตามินนั้น ๆ ให้ถี่ถ้วน เช่น ควรกินเวลาไหน ตัวไหนไม่ควรกินร่วมกัน

9. ผลัดเซลล์ผิวด้วยการสครับผิว

เมื่อมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมอยู่ในชั้นบนสุดของหนังกำพร้า จะทำให้ผิวหยาบ ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม และยังก่อให้เกิดการอุดตัน เป็นสาเหตุให้เกิดสิวได้อีกด้วย

โดยทั่วไปร่างกายเราจะผลัดเซลล์ผิวเองทุก ๆ 30 วันครับ การสครับผิวเป็นอีกวิธีเร่งกระบวนการนี้ ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวกระจ่างใสและกลับมาเนียนนุ่มอีกครั้ง

สครับผิวมีทั้งรูปแบบสำเร็จรูปจากแบรนด์ต่าง ๆ หรือสูตรทำเองจากของใช้ภายในบ้าน เช่น น้ำตาล+โยเกิร์ต, กากกาแฟ+น้ำมันมะพร้าว, น้ำมะนาว+น้ำมันมะกอก+เกลือ ทั้งนี้ควรทำแค่ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวแห้ง ผิวระคายเคือง

สครับผิวกู้หน้าโทรม
ผลัดเซลล์ผิวด้วยสครับสูตรทำเอง

10. แต่งหน้าเสริมความมั่นใจ

การแต่งหน้าเป็นวิธีแก้หน้าโทรมแบบเร่งด่วน ปกปิดรอยตำหนิต่าง ๆ เช่น ฝ้า กระ รอยสิว ริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ หากต้องการปรับให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าวัย สามารถแต่งหน้าแบบธรรมชาติ เน้นงานผิว ลุค Makeup no Makeup หรือการแต่งลุค Glass Skin ให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำโกลว์เล่นแสง ดูสุขภาพดี 

11. ฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์ สามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรมที่เกิดจากริ้วรอย ร่องลึก ใต้ตาดำ และผิวหย่อนคล้อยได้ โดยหมอจะฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปทดแทนชั้นผิวและกระดูกที่ทรุดตัวครับ หรือฉีดเติมหน้าตอบ แก้มตอบ หรือขมับตอบให้เต็ม ปรับให้ใบหน้าอิ่ม ดูสดใส ไม่โทรม

ในรายที่มีปัญหาผิวแห้ง ทากันแดดแล้วเป็นขุยบ่อย ๆ หรือหลุมสิวตื้น ๆ สามารถฉีดฟิลเลอร์สกินบูสเตอร์ เติมน้ำให้ผิวโดยตรง ปรับผิวให้เรียบเนียน ตึงกระชับ ฉ่ำวาว และลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที และผลลัพธ์เต็มที่ใน 2-3 สัปดาห์

ฉีดฟิลเลอร์กู้หน้าโทรม หมอซี
ฉีดฟิลเลอร์กู้หน้าโทรม

12. ฉีดเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส เป็นทางลัดกู้หน้าโทรมด้วยการฉีดวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง โดยเฉพาะสารบำรุงที่ดูดซึมผ่านชั้นผิวยาก ๆ มีด้วยกันหลายสูตรตามปัญหาผิวของแต่ละคน ช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ขับสารพิษตกค้าง 

หลังฉีดเมโสหน้าใสเริ่มเห็นผลใน 3 วัน แนะนำให้ฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หากหน้าโทรมมาก ต้องการกู้ผิวแบบเร่งด่วน สามารถเพิ่มความถี่เป็นทุก 3 วันได้ครับ ไม่เป็นอันตราย ไม่ทิ้งสารตกค้าง เพราะส่วนผสมของเมโสหน้าใสสกัดจากธรรมชาติ

13. ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย

การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย ช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรม ลดริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า โดยสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง เวลาเราแสดงสีหน้า จะไม่เกิดรอยพับ รอยย่น

เช่น ริ้วรอยตีนกาเวลายิ้ม รอยย่นระหว่างคิ้วและหน้าผากเวลาขมวดคิ้ว หรือรอย Bunny Line บนสันจมูก ซึ่งล้วนเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย ทำให้ใบหน้าดูมีอายุครับ

หลังฉีดโบท็อกซ์ กล้ามเนื้อจะเริ่มตึงใน 3-4 วัน ตึงเต็มที่ใน 1-2 อาทิตย์ ช่วยลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าได้อย่างตรงจุด เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทดแทน ร่องริ้วรอยบนผิวจะดูตื้นขึ้นครับ

โบท็อกซ์ลดริ้วรอย กู้หน้าโทรม หมอปุ๋ย
โบท็อกซ์ลดริ้วรอย

14. ฉีด PRP ด้วยเกล็ดเลือดตัวเอง

การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) หน้าใส เป็นการฟื้นฟูผิวและแก้หน้าโทรมด้วยเกล็ดเลือดความเข้มข้นสูง

หมอจะนำเลือดประมาณ 15-20 CC จากร่างกายคนไข้ไปปั้นแยกเกล็ดเลือดก่อนทำมาฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน บำรุงผิวล้ำลึก คืนความชุ่มชื้น ปรับผิวให้อิ่มน้ำ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เพราะเป็นสารที่ได้จากร่างกายคนไข้เอง

15. ทำเลเซอร์หน้าใส

เครื่องเลเซอร์หน้าใสที่นิยม คือ Fractional, Q-Switch, ND-Yag , Dual Yellow Laser เป็นหัตถการที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า กำจัดเม็ดสีเมลานิน กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เผยผิวใส กู้หน้าโทรม

แม้ในปัจจุบันจะพัฒนาเทคโนโลยีเลเซอร์ให้มีความอ่อนโยนต่อผิวมากขึ้น ไม่ทำให้หน้าบางหากทำต่อเนื่อง แต่ยังมีผลข้างเคียง เช่น ตกสะเก็ด ผิวแห้งลอก ไวต่อแสง หลังทำจำเป็นต้องพักฟื้น เลี่ยงแสงแดด รอแผลตกสะเก็ดอย่างน้อย 3 วัน จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้หน้าทันที

16. ทำ Hifu ยกกระชับผิวหน้า

การทำ Hifu เป็นการยกกระชับใบหน้าด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง กระตุ้นคอลลาเจน สร้างเนื้อเยื่อใหม่ ช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรมจากริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย กระชับรูขุมขนและปรับผิวให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ไม่อยากฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ หลังทำ Hifu เห็นผลประมาณ 20% และผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-3 เดือน เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่เต็มที่แล้ว

ทำ Hifu แก้หน้าโทรม
ทำ Hifu ยกกระชับผิวหน้า

17. ทำทรีตเมนต์ผิว บำรุงผิวอย่างล้ำลึก

การทำทรีตเมนต์ผิว แก้ผิวหน้าโทรม เป็นการใช้เทคโนโลยีผลักวิตามินหรืออาหารผิวเข้าสู่ชั้นผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการไหลเวียนเลือด แก้หน้าโทรม กระชับรูขุมขน ระหว่างทำจะไม่รู้สึกเจ็บครับ อาจรู้สึกแสบคันเล็กน้อยบนใบหน้า ควรทำอย่างน้อย 6-8 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ชัดเจน

18. ผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดโดยแพทย์ผิวหนัง

การผลัดเซลล์ผิวกับแพทย์ผิวหนัง จะใช้สารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นกรด เช่น TCA (Trichloroacetic Acid), AHA (Alpha Hydroxy Acid), BHA (Beta Hydroxy Acid) เพื่อเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวชั้นบนแห้งและลอกออก ช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรม ผิวหมอง สิว ริ้วรอย ฝ้า กระ และกระตุ้นคอลลาเจน 

วิธีนี้เห็นผลไวกว่าการสครับผิว ระหว่างทำจะรู้สึกแสบ และคันบ้าง ในช่วงแรกแนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ หลังจากนั้นสามารถเว้นเป็นเดือนละครั้งได้ตามคำแนะนำของแพทย์

แต่ข้อเสียคือหลังผิวหนังลอกใหม่ ๆ ผิวจะมีความบางมากกว่าปกติ หากเจอแดดแรง ๆ โดยตรงอาจทำให้ผิวไหม้ได้


ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอะไรบ้าง ? ที่ทำให้ผิวหน้าโทรม

  • ความเครียดสะสม : เมื่อเผชิญกับความเครียด จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Cortisol ส่งผลให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้หน้าโทรมหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง เสี่ยงเกิดสิวอุดตัน
  • การเข้านอนดึก : การเข้านอนดึก นอนน้อย การนอนขาดคุณภาพ ส่งผลให้ระบบในร่างกายเสียสมดุล ผลิตคอลลาเจนและโกรทฮอร์โมนได้ลดลง ไม่สามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวหน้าโทรมครับ
  • การสูบบุหรี่ : สารนิโคตินในบุหรี่ทำให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวหยาบ รูขุมขนกว้าง หน้าหมองคล้ำ โทรมไม่สดใส เกิดริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้นควรงดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงบริเวณที่ได้รับควันบุหรี่บ่อย ๆ 
  • การดื่มแอลกอฮอล์ : เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้ง กระตุ้นการอักเสบของผิว เกิดสิวง่าย
  • ดื่มน้ำน้อย : น้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70% ของร่างกายมนุษย์ ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ยืดหยุ่น หากร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ ผิวจะแห้งกร้าน ไม่สดใส ผิวหน้าโทรม รวมถึงเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ ขาดสมาธิ
สูบบุหรี่ทำให้หน้าโทรม
สูบบุหรี่ทำให้ผิวโทรม

การกู้หน้าโทรม ใช้เวลานานไหม ? กว่าผิวจะใสขึ้น

ระยะเวลาในการกู้หน้าโทรม ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม และวิธีที่เลือกใช้ครับ ในกรณีที่ใช้สกินแคร์และทากันแดด ปรับพฤติกรรม หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ จำเป็นต้องทำต่อเนื่อง และอาจใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน

ส่วนหัตถการทางการแพทย์ เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เมโสหน้าใส หรือ Hifu จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเร็วกว่า ใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

หากต้องการให้ผิวใส และเห็นผลลัพธ์อย่างยั่งยืน หมอแนะนำให้ใช้ทั้งวิธีการดูแลตัวเองและวิธีทางการแพทย์ร่วมกันครับ เพื่อปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ และกู้ผิวโทรมไปพร้อมกัน


สรุปเรื่องปัญหาผิวหน้าโทรม

หากมีปัญหาหน้าโทรม หมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีสิว หรือริ้วรอย แต่ได้รับการดูแลที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ใบหน้ายิ่งโทรมมากขึ้นครับ การกู้ผิวใสควรเริ่มจากการดูแลตัวเอง เสริมเกราะให้ผิวแข็งแรง ด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ ใช้สกินแคร์บำรุงผิว ร่วมกับการทำหัตถการทางการแพทย์ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายผิว เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือนอนน้อย