
วิธีทำให้หน้าขาวขึ้น
การมีหน้าขาวใสไม่ใช่เรื่องของการขาวที่สุด แต่คือการมีผิวที่ดูสุขภาพดี สว่างกระจ่างใส และมีความชุ่มชื้นอย่างสมดุลครับ แต่ละคนมีพื้นสีผิวต่างกัน หมอจึงอยากให้โฟกัสที่ “ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ” มากกว่า “ผิวขาวเร็ว” เพราะความขาวที่ยั่งยืนต้องมาจากการดูแลที่ถูกวิธี ทั้งการบำรุงและปกป้องผิวในทุกวันครับ
คลิกอ่านหัวข้อ หน้าขาว
ทำไมหน้าหมองคล้ำ ? สาเหตุที่ทำให้ผิวไม่ขาวใส
หลายคนอยากมี หน้าขาวใส แต่ไม่รู้ว่าทำไมผิวถึงยังหมอง ทั้งที่ก็พยายามบำรุงทุกวัน หมออยากให้เข้าใจก่อนครับว่า ผิวหมองคล้ำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งบางอย่างเราอาจเผลอมองข้ามไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อผิวถูกกระตุ้นให้สร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ความขาวใสก็จะค่อย ๆ หายไป ทำให้ผิวดูคล้ำ เหนื่อยโทรม และไม่สดใสครับ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นมีทั้งจากพฤติกรรมประจำวัน และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ดังนี้
- แสงแดดและรังสี UV
เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวคล้ำ เพราะรังสี UV (รังสีอัลตราไวโอเลต) จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินเพื่อป้องกันผิว หากไม่ป้องกันด้วยครีมกันแดด ผิวจะเสียความขาวใสไปเรื่อย ๆ
อ่านบทความเพิ่มเติม : 15 วิธีทำให้ผิวขาวกระจ่างใส กู้ผิวหมองคล้ำด้วยวิธีธรรมชาติและเน้นเห็นผลเร็ว

- มลภาวะและฝุ่นควัน
ฝุ่นละอองและสารพิษในอากาศทำลายเซลล์ผิว ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ผิวหมองและดูไม่กระจ่างใส
- ไม่ทาครีมกันแดด
ต่อให้บำรุงดีแค่ไหน ถ้าไม่ทาครีมกันแดดก็ไม่มีทางมีหน้าขาวได้ เพราะผิวจะถูกทำร้ายจากแสงแดดทุกวันจนเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำตามมา
อ่านบทความเพิ่มเติม : 7 ผลเสียการ ไม่ทาครีมกันแดด ที่จะเกิดขึ้น ส่งผลทำร้ายผิวมากกว่าที่คิด
- ล้างหน้าไม่สะอาด
คราบเครื่องสำอางและฝุ่นละอองที่ตกค้างทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวไม่สามารถดูดซึมครีมบำรุงได้ดี ส่งผลให้หน้าหมองคล้ำไม่สดใส
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนดึกหรือพักผ่อนน้อยทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ ส่งผลให้ผิวซีดโทรม หมองคล้ำง่าย และขาดความเปล่งปลั่ง

- ดื่มน้ำน้อย / รับประทานอาหารไม่ดีต่อผิว
เมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวจะขาดความชุ่มชื้น ขาดน้ำหล่อเลี้ยง ทำให้ดูหมอง แห้ง และไม่เปล่งปลั่ง
- ความเครียดสะสม
เมื่อร่างกายเครียด จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ทำให้ผิวเกิดการอักเสบง่าย หมองคล้ำ และมีโอกาสเกิดสิวได้มากขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม : สิว มีกี่ประเภท เกิดจากอะไร ขึ้นบริเวณไหนบ้าง ? พร้อมวิธีดูแล และรักษาให้หายไวขึ้น
10 วิธีทำให้หน้าขาว กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
หมอรวมเคล็ดลับดูแลให้ผิว หน้าขาว ขึ้นอย่างปลอดภัย เห็นผลจริง และทำได้ในชีวิตประจำวันครับ
1. ทาครีมกันแดดทุกวัน

อยากมีหน้าขาวใสต้องเริ่มจากกันแดดครับ เพราะรังสี UVA และ UVB เป็นตัวการหลักที่ทำให้ผิวคล้ำ หมอง และเกิดฝ้าได้ง่าย หมอแนะนำให้เลือกครีมกันแดด SPF 30–50 ขึ้นไป พร้อมค่า PA+++ ทาเป็นประจำทุกวันแม้อยู่ในที่ร่ม และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่อออกแดดบ่อย เพื่อปกป้องผิวอย่างเต็มที่ครับ
ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ยูวี เอ-บี-ซี ซันสกรีน ครีม
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream

สำหรับใครที่กำลังมองหาครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวหน้า Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream ครีมกันแดดสูตรอ่อนโยน เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB และแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่เป็นต้นเหตุของความหมองคล้ำ พร้อมบำรุงให้ผิวเรียบเนียนและคงความชุ่มชื้น เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่ต้องการดูแลให้ผิวกระจ่างใสและดูสุขภาพดีในทุกวันครับ
2. ล้างหน้าให้สะอาดและอ่อนโยนต่อผิว
พื้นฐานของหน้าขาว คือผิวที่สะอาด หมอแนะนำให้ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง หลีกเลี่ยงการขัดแรงหรือใช้น้ำร้อนล้างหน้า เพราะจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ล้างหน้าเช้า–เย็นให้เพียงพอ โดยเน้นล้างให้สะอาดหลังใช้ครีมหรือแต่งหน้า เพื่อป้องกันการอุดตันที่ทำให้ผิวหมองครับ
ซอฟต์ คลีนซิ่ง มูส
Dr. V Square Soft Cleansing Mousse

Dr. V Square Soft Cleansing Mousse โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนพิเศษ เนื้อมูสเนียนนุ่มละเอียด ช่วยลดการเสียดสีผิวระหว่างล้างหน้า อุดมด้วยสารสกัดจาก Japanese Plum Extract และข้าวสาลี ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ทำให้ผิวรู้สึกอิ่มฟู นุ่มลื่น และดูสุขภาพดีครับ
3. สครับผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ

การสครับช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่สะสมและหมองคล้ำออก เผยผิวใหม่ที่ดูขาวใสขึ้น หมอแนะนำให้สครับสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง ใช้สูตรที่มีเม็ดสครับละเอียด เช่น PHA หรือ AHA ซึ่งจะช่วยขจัดคราบหมองและกระตุ้นให้ผิวหน้าขาว เนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติครับ
อ่านบทความแนะนำ
4. บำรุงผิวทันทีหลังล้างหน้า เพื่อล็อกความชุ่มชื้น
หลังล้างหน้า ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว แนะนำให้รีบลงครีมหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทันที เพื่อช่วยเก็บความชุ่มชื้นและลดการระเหยของน้ำออกจากผิว เน้นเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละคน
ไฮยา บูสท์ ครีม
Dr. V Square Hya-Boost Cream

Dr. V Square Hya-Boost Cream ครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยนที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและชุ่มชื้น ด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติ 7 ชนิด สูตรเฉพาะจากสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมสารสกัดจากข้าวสาลีที่ช่วยให้ผิวอิ่มฟู เนียนนุ่ม และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวอักเสบหรือเป็นสิวง่ายก็สามารถใช้ได้ครับ
5. มาส์กหน้าบำรุงผิวเป็นประจำ

มาส์กหน้าเป็นอีกวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาชุ่มชื้นและดูกระจ่างใส โดยเฉพาะสูตรที่มีส่วนผสมของวิตามิน C, ว่านหางจระเข้ หรือคอลลาเจน ที่ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นและกระจ่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ควรมาส์กสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง โดยสามารถเลือกใช้มาส์กสำเร็จรูป หรือสูตรธรรมชาติที่ทำเองได้ เช่น
- มาส์กโยเกิร์ต + น้ำผึ้ง ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- มาส์กว่านหางจระเข้ ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มน้ำ
- มาส์กมะเขือเทศบด ช่วยให้ผิวขาวอมชมพูจากไลโคปีนและวิตามิน C
- มาส์กขมิ้น + นมสด ลดรอยดำและปรับสีผิวให้สว่างขึ้น
6. ใช้เซรั่ม/ครีมที่มีสารบำรุงช่วยให้หน้าขาว
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น Niacinamide, Alpha Arbutin หรือ Vitamin C เพราะช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและขาวใสขึ้นอย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงครีมเร่งขาวที่มีสารอันตราย เพราะอาจทำให้ผิวบางและหมองคล้ำกว่าเดิมในระยะยาวครับ
เมราลิส เซรั่ม
Dr. V Square Melaris Serum

หากอยากให้ผิวหน้าขาวใสขึ้นและจัดการจุดด่างดำได้ตรงจุด แนะนำ Dr. V Square Melaris Serum เซรั่มฟื้นฟูผิวที่ใช้เทคโนโลยี Niosomal ช่วยนำพาสารบำรุงซึมลึกกว่าปกติถึง 332% ผสานพลัง Tranexamic Acid, Arbutin, Niacinamide, Glutathione และสารสกัดจากส้ม Mandarin ช่วยลดฝ้า กระ รอยดำให้จางลงภายใน 7–14 วัน สูตรอ่อนโยน ใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย ไม่ก่อการระคายเคืองครับ
7. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับคือช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิว หมอแนะนำให้นอนวันละ 6–8 ชั่วโมง เพราะถ้านอนน้อย ฮอร์โมนในร่างกายจะเสียสมดุล ทำให้ผิวดูโทรม หมองคล้ำ และไม่สดใส การนอนหลับเพียงพอจึงเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้หน้าขาวขึ้นได้ครับ
8. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ผิวที่ดูสุขภาพดีและหน้าขาวกระจ่างใสจากภายในต้องมาจากการได้รับสารอาหารครบถ้วน หมอแนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น
- วิตามิน C ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน พบมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ กีวี ฝรั่ง และมะขามป้อม
- วิตามิน E ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UV และลดการอักเสบของผิว พบในอัลมอนด์ อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน และน้ำมันมะกอก
- เบต้าแคโรทีน (วิตามิน A) ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและทำให้ผิวดูเรียบเนียน พบในแครอท ฟักทอง และมันเทศ
- สังกะสี (Zinc) ช่วยควบคุมความมันและลดการเกิดสิว พบในหอยนางรม ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี
9. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ขาวใส และมีสุขภาพดีขึ้น หมอแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที ผิวจะค่อย ๆ ดูสดใสขึ้นกว่าตอนที่ไม่ได้ออกกำลังกายครับ
10. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน
น้ำเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นและกระจ่างใส หมอแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 6–8 แก้ว เพราะน้ำช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และช่วยให้เซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้น เมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ ผิวจะดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ช่วยให้หน้าขาวใส มีอะไรบ้าง ?
การเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิวเป็นอีกปัจจัยสำคัญของการมีผิวหน้าขาว กระจ่างใสอย่างปลอดภัยครับ เพราะส่วนผสมบางชนิดสามารถช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ลดรอยดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้อย่างเห็นผล หมอสรุปสารบำรุงที่น่าสนใจไว้ให้ครับ

- Niacinamide (ไนอะซินาไมด์) : ช่วยลดความหมองคล้ำ ลดรอยดำ รอยแดง และรอยสิว พร้อมปรับสีผิวให้ดูสว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับทุกสภาพผิว
- Vitamin C (วิตามินซี) : ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ และปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด ทำให้ผิวดูขาวสว่างใสขึ้น
- Alpha Arbutin (อัลฟ่า อาร์บูติน) : มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อย่างอ่อนโยน
- AHA / BHA : ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนและขาวใสขึ้น ผิวจะดูเนียนละเอียดขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่อง
- Retinol (เรตินอล) : กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง เป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้หน้าขาวใสขึ้นในระยะยาว
- Licorice Extract (สารสกัดจากชะเอม) : ช่วยปรับสีผิวให้สว่าง ลดการอักเสบจากสิว และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวดูนุ่มนวลและกระจ่างใสมากขึ้น
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงหากอยากหน้าขาว
อยากมีหน้าขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่แค่เรื่องของการบำรุงเท่านั้น แต่ต้องรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวด้วยครับ เพราะต่อให้ดูแลดีแค่ไหน ถ้ายังทำสิ่งเหล่านี้อยู่ ผิวก็จะกลับมาหมองคล้ำได้ง่าย
- นอนดึกเป็นประจำ ทำให้ผิวโทรม หมองคล้ำ และฟื้นฟูได้ช้าลง
- ไม่ทาครีมกันแดด ทำให้รังสี UV ทำลายผิวจนขาดความขาวใส
- สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ผิวหมองง่าย
- ล้างหน้าไม่สะอาดหรือขัดแรงเกินไป ทำให้ผิวอักเสบและไวต่อแดด
- ใช้ครีมที่มีสารอันตราย เช่น ปรอทหรือสเตียรอยด์ ทำให้ผิวบางและหมองคล้ำ
- กินของมันหรือของหวานมากเกินไป ทำให้ผิวแก่เร็วและดูไม่สดใส
- ดื่มน้ำน้อย ทำให้ผิวขาดน้ำ หมอง และดูไม่เปล่งปลั่ง
หน้าขาวเร่งด่วนใน 1 วัน ทำได้จริงไหม ?
ไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ผิวหน้าขาวขึ้นอย่างเห็นผลภายใน 1–3 วันครับ ไม่ว่าจะเป็นใช้วิธีแบบธรรมชาติหรือแบบเร่งด่วนก็ตาม เพราะการเปลี่ยนสีผิวต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูและปรับสมดุลเม็ดสี
ในช่วง 1–3 วันแรก หลังทำสครับผิว มาส์ก หรือทาครีมไวท์เทนนิ่ง อาจเห็นผิวดูสว่างขึ้นเล็กน้อยจากการผลัดเซลล์ผิวเก่า แต่ยังไม่ถึงขั้นขาวใสมีออร่าหรือผิวกระจกครับ
โดยทั่วไป การฟื้นฟูผิวให้ดูขาวกระจ่างใสอย่างแท้จริง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3–6 เดือน ขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกและความสม่ำเสมอในการดูแลครับ
สรุป หน้าขาวใสอย่างปลอดภัยต้องเริ่มจากการดูแลที่ถูกวิธี
การมีหน้าขาว กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยความเข้าใจและความสม่ำเสมอในการดูแลครับ เมื่อผิวได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีต่อเนื่อง เซลล์ผิวจะค่อย ๆ ฟื้นตัว มีความชุ่มชื้น แข็งแรง และดูเปล่งปลั่งขึ้นตามธรรมชาติ ความหน้าขาวใสที่ได้จึงจะปลอดภัยและยั่งยืน ไม่กลับมาหมองง่ายครับ


