
ส่วนผสมที่ห้ามใช้กับเรตินอล (Retinol)
หลายคนที่เริ่มหันมาใช้สกินแคร์ลดริ้วรอย คงคุ้นเคยกับคำเตือนเรื่อง ” เรตินอล ห้ามใช้คู่กับอะไร ” กันมาบ้างใช่ไหมครับ ? เพราะแม้ว่า Retinol จะช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี แต่ถ้าใช้ร่วมกับสารบางชนิด ก็อาจทำให้ผิวระคายเคืองหนัก ผิวลอก แสบ หรือถึงขั้นหน้าพังได้เลยครับ
บทความนี้หมอจะอธิบายอย่างละเอียดว่า ห้ามใช้เรตินอลกับอะไร ? และจะมีทางเลือกการจับคู่กับสารที่ใช้ร่วมกันได้อย่างไร ? เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้เรตินอลได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ดีครับ
คลิกอ่านหัวข้อ เรตินอล ห้ามใช้คู่กับอะไร
เรตินอล ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง ?
Retinol ห้ามใช้กับ AHA & BHA

ตัวอย่างสาร : Glycolic acid, Lactic acid (AHA), Salicylic acid (BHA)
สาเหตุ : ทั้งเรตินอลและ AHA/BHA ต่างเป็นสารที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว หากใช้พร้อมกันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ผิวแสบแดง ลอก และอาจเกิดการอักเสบ
คำแนะนำ : หากจำเป็นต้องใช้ทั้งสองประเภท ควรแยกเวลากัน เช่น ใช้ AHA/BHA ตอนเช้า และเรตินอลตอนกลางคืน ห้ามทาซ้อนในรอบเดียวเด็ดขาดครับ
Retinol ห้ามใช้กับ Benzoyl Peroxide

ตัวอย่างสาร : Benzac AC, PanOxyl
สาเหตุ : ทั้งสองตัวนี้มีฤทธิ์ในการรักษาสิว แต่มีค่า pH ที่ต่างกันมาก เมื่อใช้ร่วมกันจะลดประสิทธิภาพของกันและกัน และทำให้ผิวแห้งลอก ระคายเคืองหนักขึ้นครับ
คำแนะนำ : หากต้องใช้ Benzoyl Peroxide และ Retinol ในกิจวัตรเดียวกัน แนะนำให้ใช้สลับวัน เช่น วันนี้ใช้เรตินอล วันต่อไปใช้ Benzoyl Peroxide เพื่อให้ผิวได้พักครับ
Retinol ห้ามใช้กับ วิตามิน C

ตัวอย่างสาร : Ascorbic Acid, L-Ascorbic Acid, Ethyl Ascorbic Acid
สาเหตุ : วิตามิน C มักมีค่า pH ที่เป็นกรด ซึ่งจะไปลดประสิทธิภาพของเรตินอล และทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้นเช่นกัน การใช้พร้อมกันอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ครับ
คำแนะนำ : ใช้วิตามิน C ตอนเช้า (ร่วมกับครีมกันแดด) และใช้เรตินอลตอนกลางคืน จะได้ผลลัพธ์ดีสุดโดยไม่เสี่ยงระคายเคือง
ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ยูวี เอ-บี-ซี ซันสกรีน ครีม
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream

เพื่อเสริมประสิทธิภาพของวิตามิน C และปกป้องผิวจากการไวต่อแสงหลังใช้เรตินอลหรือสารผลัดเซลล์อื่น ๆ แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีการป้องกันครบทั้งรังสี UVA, UVB และแสงสีฟ้า อย่าง Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream สูตรบางเบา ซึมไว ไม่อุดตัน ช่วยปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม พร้อมบำรุงให้ผิวแข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรืออยู่ในช่วงใช้เรตินอลครับ
Retinol ห้ามใช้กับ น้ำหอม/แอลกอฮอล์/สารระคายเคืองสูง

ตัวอย่างสาร : น้ำหอม (Fragrance), แอลกอฮอล์ (Alcohol Denat), เมนทอล, การบูร, สีสังเคราะห์
สาเหตุ : สารกลุ่มนี้มีฤทธิ์ระคายเคืองสูง โดยเฉพาะในผิวที่กำลังใช้เรตินอล ซึ่งมักจะบอบบางและไวต่อการกระตุ้นมากกว่าปกติ การใช้ร่วมกันจะเพิ่มโอกาสเกิดอาการแสบ แดง ลอก หรือผิวอักเสบ และอาจรบกวนเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ
คำแนะนำ : หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์สูง หรือสารที่ทำให้ผิวแสบ ร่วมกับเรตินอล โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทโทนเนอร์ คลีนเซอร์ คลีนซิ่ง หรือเซรั่ม ควรอ่านฉลากส่วนผสมก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันผิวเสียสะสมในระยะยาว
เนื่องจากเรตินอล (Retinol) เป็นสารที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยลดริ้วรอย รักษาสิว และทำให้ผิวดูกระจ่างใส หากใช้ร่วมกับสารที่มีฤทธิ์รุนแรงเกินไป จะทำให้ผิวอ่อนแอ ระคายเคือง ลอกแดง และไวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นมากครับ
การที่ Retinol ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การบำรุงผิวเห็นผลโดยไม่ต้องแลกมาด้วยผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ครับ
ใครบ้างควรหลีกเลี่ยงการใช้ Retinol ?
ก่อนจะตัดสินใจใช้เรตินอล สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่า ห้ามใช้ Retinol กับอะไร และใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะหากผิวไม่เหมาะสมหรือใช้ผิดวิธี อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
- ผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือมีปัญหาผิวระคายเคืองเรื้อรัง
- สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้)
- ผู้ที่ใช้ยาแต้มสิว หรือสกินแคร์ที่มีสารผลัดเซลล์แรงอยู่แล้ว
- ผู้ที่ไม่สามารถทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะเรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสง
คลิกอ่านเพิ่มเติม : เรตินอล (Retinol) คืออะไร ? ช่วยอะไร ? ควรทาบ่อยแค่ไหน ?
ผลข้างเคียงจากการใช้เรตินอลคู่กับส่วนผสมที่ไม่ควรใช้ ?
เมื่อใช้เรตินอลร่วมกับสารที่ไม่ควรใช้ด้วยกัน อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อผิวได้ครับ โดยเฉพาะผู้ที่ผิวอ่อนแออยู่แล้ว ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่

- ผิวลอกเป็นขุยอย่างเห็นได้ชัด
- รู้สึกแสบ คัน หรือแสบร้อนบริเวณที่ทา
- ผิวแดงเป็นปื้น หรือมีการอักเสบเฉียบพลัน
- มีผื่นขึ้นหรือเกิดสิวเห่อจากการระคายเคือง
- เกิดปฏิกิริยาไวต่อแสงแดดมากขึ้น อาจเกิดฝ้าหรือผิวหมองคล้ำตามมาได้
หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันที แล้วปรึกษาแพทย์ผิวหนังครับ เพื่อประเมินและแนะนำแนวทางการดูแลอย่างเหมาะสม
สามารถใช้เรตินอล กับ ส่วนผสมสกินแคร์ตัวไหนได้บ้าง ?
แม้ว่าเรตินอลจะมีข้อจำกัดในการใช้งานร่วมกับบางสาร แต่ก็มีส่วนผสมสกินแคร์หลายตัวที่สามารถใช้ร่วมกับเรตินอลได้ดี ช่วยเสริมประสิทธิภาพ หรือบรรเทาการระคายเคืองของผิวได้ครับ ได้แก่
Retinol + Hyaluronic Acid
Hyaluronic Acid (HA) หรือ กรดไฮยาลูโรนิก เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่มีความสามารถในการดูดซับน้ำได้ดีมาก ช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและไม่แห้งตึง เมื่อใช้เรตินอล ผิวมักจะแห้งหรือลอกในช่วงแรก Hyaluronic Acid จะช่วยลดอาการแห้งลอกเหล่านี้ และเสริมให้ผิวแข็งแรงขึ้น
วิธีใช้ : สามารถใช้ก่อนหรือหลังเรตินอลก็ได้ โดยทั่วไปนิยมทา Hyaluronic Acid ก่อน แล้วตามด้วยเรตินอล และปิดท้ายด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเคลือบล็อกความชุ่มชื้นครับ
ไฮยา บูสท์ ครีม
Dr. V Square Hya-Boost Cream

Dr. V Square Hya-Boost Cream ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีสารสกัดจากพืชธรรมชาติ 7 ชนิดและ Sodium Hyaluronate ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกรดไฮยาลูโรนิก ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง
พร้อมลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวที่แห้งลอก และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงอย่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับใช้เป็นขั้นตอนแรกและขั้นตอนสุดท้ายหลังทาเรตินอล เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและลดโอกาสเกิดการระคายเคือง
Retinol + Peptides
Peptides เป็นสายกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูยืดหยุ่น กระชับ และลดเลือนริ้วรอยได้ดี แม้เรตินอลเองจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน แต่การใช้ร่วมกับ Peptides จะช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดีขึ้น โดยไม่เพิ่มความระคายเคืองครับ
วิธีใช้ : ใช้ Peptides ในช่วงเช้าและเรตินอลในช่วงกลางคืน หรือจะใช้ Peptides หลังเรตินอลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูก็ได้ครับ
Retinol + Niacinamide
Niacinamide หรือวิตามิน B3 มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง ควบคุมความมัน และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดรอยแดงและจุดด่างดำ เป็นหนึ่งในสารที่ช่วยลดผลข้างเคียงของเรตินอลได้ดี โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นที่ผิวอาจไวต่อการระคายเคืองครับ
วิธีใช้ : ทา Niacinamide ก่อนหรือหลังเรตินอลก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเซรั่มหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ แต่โดยทั่วไปถ้า Niacinamide เป็นเนื้อน้ำให้ทาก่อนใช้เรตินอลครับ
เมราลิส เซรั่ม
Dr. V Square Melaris Serum

Dr. V Square Melaris Serum เซรั่มเนื้อบางเบาซึมไว ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide, Tranexamic Acid, Arbutin, Glutathione และสารสกัดจาก Mandarin ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ พร้อมปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมออย่างเป็นธรรมชาติ
โดยใช้เทคโนโลยี Niosomal ช่วยให้สารสำคัญซึมลึกสู่ผิวได้ถึง 332% เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เรตินอลและต้องการลดรอยที่อาจตามมาจากการผลัดเซลล์ผิว พร้อมปลอบประโลมและเสริมให้ผิวดูใส แข็งแรง
Retinol + Allantoin
Allantoin เป็นสารที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ ระคายเคือง และช่วยเร่งการสมานแผลตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวที่เริ่มใช้เรตินอลไม่แสบหรือแดง ลดความรู้สึกไม่สบายผิวและฟื้นฟูได้เร็วขึ้นครับ
วิธีใช้ : มักผสมอยู่ในมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมบำรุง ให้ใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังลงเรตินอล เพื่อเคลือบผิวและลดการสูญเสียน้ำครับ
Retinol + Green Tea
Green Tea Extract หรือสารสกัดจากชาเขียว อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น และลดความระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวอ่อนแอ หรือเริ่มต้นใช้เรตินอล เพราะจะช่วยลดความตึงแสบ และเพิ่มการปกป้องผิวจากมลภาวะครับ
วิธีใช้ : สามารถใช้ Green Tea ในรูปแบบโทนเนอร์หรือเอสเซนส์ก่อนทาเรตินอล เพื่อเตรียมผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรงครับ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มใช้เรตินอลควบคู่กับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมข้างต้น อย่าลืมใส่ใจขั้นตอนการล้างหน้าด้วยครับ เพราะหากโฟมล้างหน้ามีส่วนผสมระคายเคืองหรือรุนแรงเกินไป จะทำให้ผิวบอบบางและไวต่อการกระตุ้นง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ผิวกำลังปรับตัวกับเรตินอล จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ช่วยคงความชุ่มชื้น และไม่ทำร้ายผิว
ซอฟต์ คลีนซิ่ง มูส
Dr. V Square Soft Cleansing Mousse

หมอแนะนำ Dr. V Square Soft Cleansing Mousse โฟมนุ่มเนื้อมูสสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวบอบบางหรือเป็นสิวง่าย โดยมีสารสกัดจาก Japanese Plum Extract และข้าวสาลีที่ช่วยทำความสะอาดอย่างล้ำลึก แต่ยังคงความชุ่มชื้นในผิว
ช่วยลดการเสียดสี และไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เนื้อมูสนุ่มละเอียดช่วยลดแรงเสียดผิว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้เรตินอลที่ต้องการเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ครับ
หากใช้เรตินอลกับสารสกินแคร์ ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน ควรทำอย่างไร ?
ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือจำเป็นต้องใช้เรตินอลร่วมกับสารบางชนิดที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ก็ยังสามารถจัดการให้เหมาะสมได้ เพียงแค่รู้จักวิธีใช้เรตินอลที่ปลอดภัย หมอแนะนำแนวทางดังนี้ครับ

- แยกช่วงเวลาในการใช้ : วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้คนละเวลา เช่น ใช้วิตามิน C ตอนเช้า และใช้เรตินอลตอนกลางคืน จะช่วยลดการชนกันของค่า pH และลดการระคายเคือง
- สลับวันในการใช้ : หากต้องการใช้ AHA หรือ BHA ควบคู่ไปด้วย ควรเว้นวัน เช่น วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ใช้เรตินอล ส่วนวันอังคาร พฤหัสบดี ใช้ AHA หรือ BHA วิธีนี้ช่วยให้ผิวได้พักและไม่โดนกระตุ้นมากเกินไปครับ
- เว้นระยะเวลาในการทา : หากจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ต่อกัน เช่น โทนเนอร์กรด AHA ตามด้วยเรตินอล ให้เว้นระยะห่าง 20–30 นาที เพื่อให้ผิวได้ปรับสมดุล pH ครับ
- ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เสมอ : การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์จะช่วยลดการระคายเคืองจากเรตินอลหรือสารผลัดเซลล์อื่น ๆ ได้ดี
- เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ : การใช้เรตินอลความเข้มข้นต่ำ เช่น 0.01-0.02% ก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับขึ้นเมื่อผิวแข็งแรงขึ้น จะช่วยลดผลข้างเคียง และลดโอกาสที่สารอื่นจะทำให้ผิวระคายเคืองครับ
สรุปเรตินอล ห้ามใช้คู่กับอะไร ? รวมทุกสารที่ต้องหลีกเลี่ยง
โดยสรุปแล้ว เรตินอล ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง ? คำตอบคือ AHA, BHA, Benzoyl Peroxide และวิตามิน C ครับ เพราะเมื่อใช้ร่วมกันจะเพิ่มความระคายเคือง แสบ ลอก และทำให้ผิวอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่หากใช้เรตินอลร่วมกับสารที่เหมาะสม เช่น Hyaluronic Acid, Niacinamide หรือ Peptides ก็จะช่วยเสริมประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงได้อย่างมากครับ
อ้างอิง
- Lauren Sharkey. (2020, September 1). Yes, Retinol Is Safe — When Used Correctly. Here’s How to Get Started. Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/is-retinol-safe
- Mary West. (2021, July 29). What to know about retinoids. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/retinoids
- Medical Dermatology Associates of Chicago. (n.d.). THE BEGINNER’S GUIDE TO RETINOL. https://www.dermchicago.com/blog/the-beginners-guide-to-retinol
- Sasha Santhakumar. (2021, July 13). What is retinol and how can a person use it?. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/retinols