
ห้ามใช้ Niacinamide คู่กับอะไร ถึงจะไม่ระคายเคือง ?
Niacinamide ห้ามใช้ร่วมกับส่วนผสมสกินแคร์บางชนิด เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง หรือขัดขวางการทำงานของกันและกันโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้จะเป็นสารบำรุงที่ขึ้นชื่อเรื่องลดรอยสิว กระชับรูขุมขน และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน แต่ก็ใช่ว่าจะเข้ากับทุกสูตรเสมอไป
ในบทความนี้ Dr. V Square จะพามาทำความเข้าใจว่า Niacinamide ควรเลี่ยงใช้คู่กับอะไร และเพราะอะไร พร้อมแนะนำสารที่ใช้ร่วมกันได้ดี เพื่อช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ผิวดูสุขภาพดียิ่งขึ้นครับ
คลิกอ่านหัวข้อ Niacinamide ห้ามใช้กับอะไร ?
Niacinamide ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง ?

Niacinamide ห้ามใช้กับอะไรบ้าง ? คำถามนี้มักเกิดขึ้นเมื่อเริ่มใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ เพราะแม้จะเป็นสารที่ช่วยเรื่องผิวขาว ผิวใส ลดรอยแดง รอยสิว และเสริมเกราะผิว แต่ถ้าใช้ร่วมกับบางส่วนผสมแบบไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวระคายเคือง หรือประสิทธิภาพลดลงได้ เพราะฉะนั้นก่อนใช้มาดูกันว่า ห้ามใช้ไนอะซินาไมด์กับอะไร พร้อมคำแนะนำในการแยกใช้ให้ปลอดภัยและเห็นผลดีขึ้นครับ
Niacinamide ห้ามใช้คู่กับ Vitamin C

Niacinamide ห้ามใช้กับ Vitamin C โดยเฉพาะในรูปแบบ Ascorbic Acid หรือ L-Ascorbic Acid ซึ่งเป็นวิตามินซีบริสุทธิ์ที่มีความเป็นกรดสูง
เนื่องจากเมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide อาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้ประสิทธิภาพของทั้งสองสารลดลง และมีโอกาสเกิด สาร Nicotinic Acid ซึ่งทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง แสบร้อน หรือผื่นแดงได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง
คำแนะนำ
- แยกเวลาใช้ : ทา Vitamin C ตอนเช้า และใช้ Niacinamide ตอนกลางคืน
- เว้นระยะเวลา : อย่างน้อย 30 นาที หากจำเป็นต้องใช้ใน Routine เดียวกัน
การแยกเวลาใช้จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ของทั้งสองสารอย่างเต็มที่ โดยไม่เสี่ยงต่อการระคายเคืองผิวครับ
Niacinamide ห้ามใช้คู่กับ AHA / BHA

Niacinamide ห้ามใช้กับ AHA & BHA เพราะกรดผลไม้ (AHA) และกรดซาลิไซลิก (BHA) มีคุณสมบัติเป็นกรด ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและเปิดผิวให้ไวต่อการซึมซับสารอื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ค่า pH ของผิวต่ำลง เมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide ซึ่งทำงานได้ดีที่สุดในสภาพผิวที่มีค่า pH เป็นกลาง อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่เสถียร
ผลที่ตามมา คือ ผิวอาจระคายเคือง เกิดผื่น หรือแดงง่าย และทำให้ประสิทธิภาพของ Niacinamide ลดลง
คำแนะนำ
- แยกเวลาใช้ : ใช้ AHA/BHA ในตอนกลางคืน และ Niacinamide ในตอนเช้าหรือวันถัดไป
- เว้นระยะเวลา : อย่างน้อย 30 นาที หากจำเป็นต้องใช้ใน Routine เดียวกัน เพื่อให้ผิวมีเวลาปรับสมดุลค่า pH ก่อนลง Niacinamide
การแยกการใช้จะช่วยลดความเสี่ยงในการระคายเคือง และคงประสิทธิภาพของสกินแคร์ทั้งสองชนิดได้ดีที่สุดครับ
ทำไมห้ามใช้ Niacinamide ร่วมกับส่วนผสมสกินแคร์บางตัว ?
หลายคนอาจสงสัยว่า Niacinamide ห้ามใช้กับส่วนผสมอะไรบ้าง และทำไมถึงต้องแยกเวลาใช้ ? จริง ๆ แล้วเหตุผลหลักมาจากการที่สารบางชนิดมีคุณสมบัติที่อาจตีกันกับ Niacinamide ได้ โดยมีผลต่อประสิทธิภาพหรือทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น ซึ่งสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ

- pH ไม่สมดุลร่วมกัน : สารบางตัว อย่าง Vitamin C (Ascorbic Acid / L-Ascorbic Acid), AHA หรือ BHA มีความเป็นกรดสูง หากใช้ร่วมกับ Niacinamide อาจทำให้สารทั้งสองทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือแปรสภาพเป็นสารที่ระคายเคืองผิว
- ลดประสิทธิภาพของกันและกัน : การใช้ Niacinamide ร่วมกับเรตินอล หรือวิตามินซี อาจทำให้ฤทธิ์ของทั้งสองสารลดลง ไม่เห็นผลชัดเจนเหมือนใช้แยกกัน
- เสี่ยงต่อการระคายเคือง : โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การใช้ Niacinamide ร่วมกับสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA/BHA หรือ Retinol พร้อมกัน อาจทำให้เกิดผื่น แสบ แดง หรือผิวลอกได้
- ผิวไวต่อแสงมากขึ้น : การเร่งผลัดเซลล์ผิวพร้อมกันหลายตัวอาจทำให้ผิวบางลง จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกันในเวลากลางวัน
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการดูแลผิวที่ดีที่สุด ควรใช้ Niacinamide แยกเวลากับส่วนผสมเหล่านี้ หรือเว้นระยะห่างในการทา เช่น ทา Niacinamide เช้า แล้วใช้ AHA/BHA ก่อนนอนครับ
Niacinamide ใช้คู่กับส่วนผสมในสกินแคร์อะไรได้บ้าง ?

หลังจากรู้ว่าไนอะซินาไมด์ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้างไปแล้ว ต้องรู้ว่า Niacinamide ใช้คู่กับอะไรได้บ้าง ถึงจะเสริมฤทธิ์กันได้อย่างปลอดภัย เห็นผลชัดเจน ทั้งในเรื่องของการลดรอยดำ รอยสิว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดการอักเสบของผิว
มาดูกันว่า Niacinamide ใช้ร่วมกับสารบำรุงตัวไหนแล้วเกิดผลดี เสริมกันอย่างไร และควรใช้ในลำดับการลงสกินแคร์ขั้นตอนไหน พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมผสานกันได้ลงตัว เพื่อให้นำไปปรับใช้กับผิวตัวเองได้ง่ายขึ้นครับ
Niacinamide + Hyaluronic Acid

เป็นคู่หูที่ลงตัวที่สุดสำหรับผิวขาดน้ำและผิวแห้ง โดย Hyaluronic Acid หรือ HA เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดึงน้ำเข้าสู่ผิว ส่วน Niacinamide ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว (TEWL) และช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู เนียนนุ่ม ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ
วิธีใช้ : สามารถใช้ร่วมกันได้ทันที โดยอาจลง HA ก่อนแล้วตามด้วย Niacinamide หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมทั้งสองรวมกัน
แนะนำ ไฮยา บูสท์ ครีม
Dr. V Square Hya-Boost Cream

Dr. V Square Hya-Boost Cream ครีมสูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสเตียรอยด์ รวมสารสกัดพืชธรรมชาติ 7 ชนิดจากสวิตเซอร์แลนด์ + ข้าวสาลี ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน 72 ชม. ลดการอักเสบได้ถึง 76.5% ใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิว เหมาะมากสำหรับใช้ร่วมกับ Niacinamide เพื่อฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิวในทุกสภาพผิวครับ
Niacinamide + Ceramides

เป็นคู่หูที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ได้อย่างดีครับ โดยเซราไมด์เป็นไขมันตามธรรมชาติในผิวที่ช่วยยึดเซลล์ผิวไว้ด้วยกัน ส่วน Niacinamide ช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ตามธรรมชาติของผิว การใช้ร่วมกันจึงช่วยให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลดการระคายเคือง อาการแพ้ และผิวแห้งกร้าน
วิธีใช้ : สามารถใช้ร่วมกันได้ทันที มักพบในผลิตภัณฑ์ประเภทมอยส์เจอร์ไรเซอร์
Niacinamide + Retinol

เป็นการรวมพลังเพื่อจัดการกับริ้วรอย สิว และความหมองคล้ำ โดย Retinol ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพสูง แต่ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้ง หรือลอกได้ ส่วน Niacinamide มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิว และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว จึงช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้เรตินอล ทำให้ผิวทนต่อเรตินอลได้ดีขึ้น และช่วยให้ใช้เรตินอยได้สม่ำเสมอมากขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
วิธีใช้ : ควรลง Niacinamide ก่อน เพื่อเป็นการเตรียมผิวและลดการระคายเคือง จากนั้นค่อยตามด้วย Retinol หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมทั้งสองรวมกันที่คิดค้นมาอย่างดี
นอกจากนี้ อย่าลืมปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวที่บอบบางหลังใช้ Retinol และ Niacinamide ด้วยครับ
แนะนำ ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ยูวี เอ-บี-ซี ซันสกรีน ครีม
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream

Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream ครีมกันแดดสูตร Triple Protection จากเยอรมนี ปกป้องผิวครอบคลุมทั้ง UVA, UVB และแสงสีฟ้า พร้อมสาร Soothing Cooling จากเกาหลีใต้ ช่วยปลอบประโลม ลดอาการระคายเคือง เหมาะสำหรับใช้คู่กับการบำรุงผิวที่มี Retinol และ Niacinamide เป็นประจำทุกวันครับ
Niacinamide + Peptides

เป็นคู่หูที่ช่วยในเรื่องการลดริ้วรอย เพิ่มความกระชับ และเสริมสร้างคอลลาเจน โดยเปปไทด์เป็นกรดอะมิโนสายสั้น ๆ ที่ช่วยส่งสัญญาณให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
ส่วน Niacinamide ก็ช่วยในเรื่องการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเช่นกัน รวมถึงช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอขึ้น การใช้ร่วมกันจะช่วยเสริมฤทธิ์กัน ในการลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวครับ
วิธีใช้ : สามารถใช้ร่วมกันได้ทันที
Niacinamide + Vitamin E

Vitamin E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ส่วน Niacinamide เองก็มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน การใช้ร่วมกันจะช่วยเสริมการปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด ทำให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้นครับ
วิธีใช้ : สามารถใช้ร่วมกันได้ทันที
แนะนำ เมราลิส เซรั่ม
Dr. V Square Melaris Serum

Dr. V Square Melaris Serum เซรั่มเนื้อบางเบา ซึมลึกด้วยเทคโนโลยี Niosomal ลิขสิทธิ์เฉพาะ นำส่งสารเข้าผิวได้ลึกขึ้น 332% รวมสารสกัดกลุ่ม Whitening ทั้ง Niacinamide, Arbutin, Vitamin C และ Vitamin E ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ เห็นผลภายใน 7-14 วัน ปลอดภัยไร้สเตียรอยด์และไฮโดรควิโนน
Niacinamide + Alpha Arbutin

สำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ Alpha Arbutin ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ส่วน Niacinamide ช่วยยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีไปยังเซลล์ผิวชั้นบน การใช้ร่วมกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้นครับ
วิธีใช้: สามารถใช้ร่วมกันได้ทันที
Niacinamide + Salicylic Acid

Niacinamide ช่วยลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิว และควบคุมความมัน ในขณะที่ Salicylic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิว สลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน และลดสิว การใช้ร่วมกันจะช่วยจัดการปัญหาสิว รูขุมขนกว้าง และผิวมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Niacinamide จะช่วยลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ Salicylic Acid เช่น ความแห้งกร้านหรือการระคายเคือง
วิธีใช้ : ควรลง Salicylic Acid ก่อนแล้วตามด้วย Niacinamide หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมทั้งสองที่ถูกคิดค้นมาให้ใช้ร่วมกันได้ดี
แนะนำ ซอฟต์ คลีนซิ่ง มูส
Dr. V Square Soft Cleansing Mousse

Dr. V Square Soft Cleansing Mousse โฟมล้างหน้าเนื้อมูสนุ่มละเอียด ออกแบบมาเพื่อดูแลผิวที่เป็นสิวง่ายหรือมีแนวโน้มระคายเคือง โดยเฉพาะในช่วงที่ใช้สารออกฤทธิ์อย่าง Salicylic Acid
ด้วยสารสกัดจาก Japanese Plum และ ข้าวสาลีญี่ปุ่น ที่ช่วยลดแรงเสียดสีและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวทันทีหลังล้างหน้า ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง พร้อมทำความสะอาดได้ล้ำลึกอย่างอ่อนโยน

ข้อควรรู้ : แม้ว่า Niacinamide จะค่อนข้างอ่อนโยน แต่การใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวร่วมกัน ควรสังเกตปฏิกิริยาของผิวเสมอ หากมีอาการระคายเคือง ควรหยุดใช้หรือลดความถี่
หากใช้ Niacinamide ร่วมกับสารที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน ควรทำอย่างไร ?

หากเผลอใช้ Niacinamide ห้ามใช้กับส่วนผสมที่อาจเกิดการระคายเคือง เช่น Vitamin C (Ascorbic Acid) หรือ AHA/BHA แล้วรู้สึกแสบ แดง หรือผิวลอก ไม่ต้องตกใจครับ ยังสามารถดูแลตัวเองด้วยวิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้ เพื่อช่วยลดโอกาสระคายเคืองและยังคงบำรุงผิวต่อได้อย่างปลอดภัยครับ
- เว้นระยะเวลาการใช้ เช่น ใช้คนละช่วงเวลา (เช้า-เย็น)
- สลับวันใช้ระหว่าง Niacinamide กับสารที่ห้ามใช้ร่วมกัน
- เริ่มจาก Niacinamide ความเข้มข้นต่ำก่อนเสมอ
- ใช้คู่กับมอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยลดการระคายเคือง
- ทดสอบการแพ้ก่อนใช้จริงทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการทาสารแรง ๆ ซ้อนกันในขั้นตอนเดียว
- งดใช้ผลิตภัณฑ์อื่นที่ระคายเคียงร่วม เช่น สครับหรือโทนเนอร์แอลกอฮอล์
- หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของผิวขณะใช้งาน
- หากผิวแสบ ลอก หรือแดง ให้หยุดใช้ทันทีและพักผิว
- ปรึกษาแพทย์หากไม่แน่ใจในการใช้งาน
สรุป Niacinamide ห้ามใช้กับอะไรบ้าง ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
Niacinamide ห้ามใช้กับบางส่วนผสม เช่น Vitamin C (Ascorbic Acid), Retinol และ AHA/BHA พร้อมกัน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง หรือทำให้ประสิทธิภาพของแต่ละสารลดลง แต่หากเว้นระยะห่างในการใช้ เช่น แยกช่วงเช้า-เย็น หรือสลับวัน ก็สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย
ทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกและมั่นใจยิ่งขึ้น คือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคิดสูตรมาอย่างรอบคอบ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจาก Dr. V Square ซึ่งเน้นความอ่อนโยน เหมาะกับทุกสภาพผิว และได้รับการพัฒนามาเพื่อให้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง เห็นผลชัดเจนโดยไม่ระคายเคืองครับ