กระแดด คืออะไร เกิดบริเวณไหน มีวิธีรักษาให้จางลงอย่างไรบ้าง ?

กระแดด (Solar Lentigo)

กระแดด

กระแดด (Solar Lentigo) ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิว ที่สร้างความกวนใจให้กับใครหลายคนครับ เพราะกระแดดจะเป็นจุดเล็ก ๆ บนใบหน้า ทำให้บางคนอาจสูญเสียความมั่นใจได้ ใครที่ผิวเป็นกระแดดแล้วกำลังมองหาแนวทางการรักษา

ในบทความนี้หมอได้สรุปมาให้แล้ว ว่ากระแดดเกิดจากอะไร ขึ้นบริเวณไหนได้บ้าง พร้อมแนะนำวิธีรักษา รวมถึงวิธีป้องกันการเกิดกระแดด ติดตามกันได้ผ่านบทความนี้ครับ

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับกระแดด


กระแดด คืออะไร ?

กระแดด คือ กระชนิดหนึ่ง ที่มีสาเหตุหลักจากรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสี UVA) มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล เป็นราบ ๆ คล้ายกับน้ำหมึกที่หยดลงบนผิว ไม่มีรอยนูน

ส่วนใหญ่แล้ว กระแดดจะขึ้นบริเวณผิว ที่สัมผัสโดนแสงแดดนานติดต่อกันครับ เช่น โหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง จมูก คอ แขน ฝ่ามือ โดยหากไม่ได้เข้ารับการรักษากระแดดอย่างถูกวิธี หรือไม่ปกป้องผิวจากแสงแดด ก็มีโอกาสที่กระแดดจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น

กระแดด (Solar Lentigo) บริเวณผิว
ภาพกระแดดบริเวณผิวที่โดนแสงแดดจัด

กระแดด เกิดจากอะไร ?

สาเหตุหลักของการเกิดกระแดด มีดังนี้

  • รังสี UVA ในแสงแดด

ในแสงแดดจะมีรังสี UVA และ รังสี UVB ซึ่งรังสี UVA เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดกระแดดบริเวณผิวของเราครับ โดยรังสี UVA มีคลื่นความยาวสูงสุด แม้ว่าค่าพลังงานจะต่ำกว่ารังสี UVB แต่สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวหนังกำพร้า และชั้นผิวหนังแท้ได้ 

ที่สำคัญรังสี UVA ทะลุผ่านวัตถุ อย่างกำแพงกระจกได้ครับ เมื่อผิวเราสัมผัสโดนแสง UVA ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน นอกจากจะทำให้ผิวเป็นกระแดดแล้ว ยังก่อนให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามา เช่น ฝ้าแดด ริ้วรอยก่อนวัย ผิวหมองคล้ำ รอยตีนกา ฯลฯ

คลิกอ่านเพิ่มเติม : 10 วิธีแก้ ผิวหน้าหมองคล้ำ บอกลาหน้าไม่มีราศรี พร้อมเพิ่มความกระจ่างใส

  • ฮอร์โมนในร่างกาย

ฮอร์โมนที่ต่อมใต้สมองส่วนกลาง เมลาโนไซท์ สติมูเลติง ฮอร์โมน (Melanocyte Stimulating Hormone หรือ MSH) มีความสัมพันธ์กับการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin Pigment) หากฮอร์โมน MSH มีน้อยเกินไป จะทำให้สีผิวขาวซีด ในทางกลับกันหากฮอร์โมน MSH มีมากเกินไป จะส่งผลให้ผิวหนังเข้มขึ้น 

  •  อายุที่เพิ่มขึ้น

อายุที่เพิ่มขึ้น มีผลต่อการเกิดกระแดดได้เช่นกันครับ เพราะผิวหนังกำพร้าได้รับรังสี UV ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยมักจะพบกระแดดจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่วัยกลางคนจนถึงวัยสูงอายุ สามารถเป็นกระแดดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงครับ ยิ่งใครที่มีผิวขาว ก็จะเห็นรอยกระแดดชัดมากขึ้นเป็นพิเศษ

กระแดดขึ้นบริเวณผิวที่โดนแสงแดดบ่อย
กระแดดมักขึ้นบริเวณผิวที่สัมผัสโดนแสงแดดบ่อย

วิธีรักษากระแดด แบบเห็นผล มีแบบไหนบ้าง ?

1. ทำเลเซอร์กำจัดกระแดด

การรักษากระแดดด้วยการทำเลเซอร์ จะเน้นไปที่การยิงเม็ดสีเมลานินในกระ ให้จางลงและสลายไป โดยเลเซอร์รักษากระแดด ที่นิยมใช้รักษา มีดังนี้

การเลเซอร์รักษากระแดด
  • Q-switched Lasers : เลเซอร์ที่ให้พลังงานเป็นจังหวะสั้น ๆ โดยจะยิงเม็ดสีเมลานินในกระ เพื่อให้ร่างกายเรากำจัดเม็ดสีเองได้ตามธรรมชาติ
  • Intense Pulsed Light (IPL) : เน้นไปที่การยิงเมลานินในกระโดยตรง เพื่อทำให้เม็ดสีสลาย และแลดูจางลง
  • Pico Laser : เลเซอร์ที่ยิงเม็ดสีเมลานินแบบลงชั้นผิว แบบเป็นจังหวะสั้นและเร็ว ทำให้เม็ดสีแตกตัวและสลายได้ง่ายขึ้น

การรักษากระแดดด้วยเลเซอร์จะเห็นผลช้าหรือเร็ว จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน ลักษณะกระแดดที่ขึ้นบริเวณผิว หากมีกระแดดจำนวนน้อย การรักษาก็จะใช้ระยะเวลาที่รวดเร็วกว่า และเห็นผลไวกว่าคนที่มีกระแดดจำนวนมากครับ

2. ลอกผิวกำจัดเซลล์ผิว

การลอกผิวรักษากระแดด

วิธีรักษากระแดดด้วยการลอกผิว จะเป็นการใช้กรดกำจัดเซลล์ผิวบริเวณชั้นบนสุด เพื่อให้ผิวหนังได้ฟื้นฟูตัวเอง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ส่งผลให้รอยกระบริเวณผิวดูจางลง การรักษากระแดดด้วยวิธีการนี้ จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ไม่สามารถทำการลอกเซลล์ผิวได้ด้วยตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับผิว จนเกิดเป็นรอยแผลเป็นถาวรได้ครับ

3. ใช้ยาทาลดกระให้ดูจางลง

ใช้ยาทาลดกระแดด

การรักษากระแดดด้วยการใช้ยาทาเพื่อลดกระ ควรเป็นยาที่จ่ายโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพราะอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผิวเราได้ครับ โดยกลุ่มยาที่นิยมมานำใช้รักษากระแดด ให้รอยแลดูจางลง มีดังนี้

  • กรดผลไม้ (AHA) : เป็นกรดที่ได้จากผลไม้ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก พร้อมมีส่วนช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน นอกจากจะช่วยลดรอยกระได้แล้ว ยังช่วยลดรอยฝ้า รวมถึงจุดด่างดำได้อีกครับ
  • เรตินอล (Tretinoin) : เป็นกลุ่มอนุพันธ์จากวิตามิน A มีส่วนช่วยลดรอยกระให้จางลงได้ พร้อมยังช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี

4. ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยลดกระ

ใช้สกินแคร์ลดการเกิดกระแดด

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดกระ ฝ้า รวมถึงจุดด่างดำหลากหลายยี่ห้อครับ การรักษากระแดดด้วยการใช้สกินแคร์ จะเป็นการผลักครีมบำรุงเข้าผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะคล้าย ๆ กับการทำ Treatment หน้า ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมจากกรด AHA หรือ กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ แต่การรักษากระแดดด้วยวิธีนี้ จะเห็นผลค่อนข้างช้า หากเทียบกับวิธีอื่นทั้งหมดครับ


กระแดด อันตรายหรือไม่ ? เป็นมะเร็งผิวหนังได้ไหม ?

กระทั่วไป และ กระแดด ไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิตครับ และกระแดดไม่สามารถพัฒนากลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้

แต่หากมีกระเนื้อสีเข้ม สีคล้ำ ขึ้นแบบกะทันหันจำนวนมาก เป็นจุด ๆ ตัวกระมีขนาดใหญ่ขึ้น ที่บริเวณผิวหนัง เช่น หัวไหล่ ช่วงอก แขน หมอแนะนำว่าควรรีบเข้าพบแพทย์ครับ เพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยให้ชัดเจน ว่าเป็นกระเนื้อธรรมดา หรือเป็นมะเร็งผิวหนังกันแน่


เป็นกระแดด ดูแลตัวเองอย่างไร ?

แนวทางการดูแลตัวเองเมื่อเป็นกระแดด ที่หมอจะแนะนำ มีดังนี้

  • ทาครีมกันแดด 

ผิวหน้า ผิวกาย เป็นประจำทุกวัน แม้ว่าจะอยู่ในร่ม เราก็ควรทากันแดดเสมอครับ เพราะรังสียูวีเอในแสงแดด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกระแดด 

การทากันแดดอย่างน้อย 2 ข้อนิ้ว หรือประมาณ 1-2 เหรียญสิบ รวมถึงการเติมกันแดดระหว่างวัน จะช่วยลดการเกิดกระแดดในอนาคตได้ หมอได้เขียนวิธีทากันแดดได้ในบทความ วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง เข้าไปอ่านเพิ่มเติมครับ

  • หลีกเลี่ยงการเจอแสงแดด 

ในช่วงเวลา 09.00 น. – 16.00 น. เพราะมีความเข้มข้นของแสงยูวีสูง หากมีความจำเป็นออกไปข้างนอกในช่วงเวลาดังกล่าว ควรสวมใส่อุปกรณ์กันแดด เช่น หมวก แว่นกันแดด กางร่ม สวมใส่เสื้อคลุม เสมอครับ เพื่อลดการสัมผัสกับแสง UV โดยตรง

  • บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ 

แม้ว่าผิวเป็นกระแดด เราก็ควรทาครีมบำรุงผิวอยู่เสมอครับ เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 

อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพราะการนอนน้อยจะส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ทำงานได้ไม่ค่อยดี ส่งผลให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับเมลานินมีประสิทธิภาพต่ำลง จนอาจทำให้การผลิตเม็ดสีเมลานินผิดปกติได้ครับ

  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ 

ให้ครบทั้ง 5 หมู่ในแต่ละมื้อ หากเน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นพิเศษ ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อร่างกายครับ

วิธีป้องกันการเกิดกระแดด
หลีกเลี่ยงการเกิดกระแดด ได้ด้วยการปกป้องผิวจากแสงแดด

วิธีป้องกันการเกิดกระแดด ในแบบฉบับทำตามได้จริง

แนวทางป้องกันการเกิดกระแดดที่หมออยากแนะนำ สามารถทำตามได้ดังนี้ครับ

  • หลีกเลี่ยงการเจอแสงแดดจัดในระหว่างวัน โดยเฉพาะช่วงเวลา 09.00 น. – 18.00 น. เพราะรังสียูวีเอในแสงแดด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกระแดดบริเวณผิว 
  • สวมใส่อุปกรณ์กันแดด เช่น กางร่มกันยูวี แว่นกันแดด เสื้อคลุม เมื่อต้องออกไปข้างนอกในช่วงที่แสงแดดจัด
  • ดูแลผิวหน้าให้แข็งแรงเสมอ เช่น การทาครีมบำรุงผิว การเติมวิตามินผิวด้วยเมโสหน้าใส (Mesotherapy) 
  • นอนให้พอ นอนให้เป็นเวลา เพราะการนอนหลับพักผ่อน จะส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนในร่างกายครับ หากนอนไม่พอฮอร์โมนที่สัมพันธ์กับเม็ดสีเมลานิน จะทำงานได้ไม่ค่อยดี ซึ่งอาจจะส่งผลให้การผลิตเม็ดสี เกิดความผิดปกติได้ครับ
  • ทาครีมกันแดด ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เป็นประจำทุกวัน แม้แต่วันที่อยู่แต่บ้านก็ควรทากันแดดครับ โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ ขึ้นไป และมีค่า PA 3+ (สามบวก) ขึ้นไป เพราะจะปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ดีกว่าครับ

ครีมกันแดดผิวหน้า ลดความเสี่ยงการเกิดกระแดด

DR. V SQUARE UV ABC SUNSCREEN CREAMSPF 40 PA+++

DR. V SQUARE Sunscreen Cream

ครีมกันแดดผิวหน้า Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream เป็นกันแดดแบบ Hybrid ที่มีสารกันแดดคงตัวตามมาตรฐานเยอรมัน สูตรนี้หมอคิดค้นมาแล้วว่าใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้มีผิวบอบบางก็ใช้ได้ครับ ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA สาเหตุหลักของการเกิดกระแดด รวมถึงรังสี UVB ต้นตอของการเกิดผิวไหม้แดด นอกจากนี้ยังปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า และแสงอินฟราเรดได้ด้วยเช่นกัน

ตัวเนื้อครีม Dr. V Square ให้สัมผัสที่เกลี่ยง่าย แห้งซึมเข้าผิวไว ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะผิว มาพร้อมกับส่วนผสมจากกลีเซอรีน ที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นหลังทา ซึ่งการใช้กันแดดเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดโอกาสการเกิดกระแดดในอนาคตได้ครับ


กระแดด รักษาให้หายขาดได้ไหม ?

กระแดด ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ 100% 

เพราะหลังจากรักษากระแดดด้วยวิธีต่าง ๆ แล้ว เรายังต้องเผชิญแสงแดดในแต่ละวันอยู่ดีครับ จึงมีโอกาสที่กระแดดจะขึ้นซ้ำบริเวณผิวอีกรอบอยู่ตลอดเวลา หากปกป้องผิวจากแสงแดดไม่ดีพอ 

โดยการรักษากระแดดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ทำเลเซอร์ ทายาลดกระ การลอกผิว ฯลฯ จะช่วยให้กระดูตื้นขึ้น และรอยกระแดดแลดูจางลงครับ ฉะนั้นแล้วเราต้องปกป้องผิวจากแสงแดดอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสการเกิดกระแดดในอนาคตครับ


สรุปเรื่องกระแดด

กระแดด มักเกิดขึ้นหลังจากที่ผิวเราเผชิญกับแสงแดดจัด ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหลายปี โดยพบกระแดดมากในกลุ่มวัยกลางคนจนถึงวัยสูงอายุ การมีนิสัยดูแลผิวที่ดี จะช่วยลดโอกาสการเกิดกระแดด รวมถึงปัญหาผิวต่าง ๆ เมื่อเราอายุมากขึ้นได้ครับ 

ซึ่งวิธีง่ายที่สุด ที่หมอแนะนำ คือ การทาครีมกันแดดหน้าและตัว เป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้าน อย่างน้อย 15-30 นาที โดยทากันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง รวมถึงการปกป้องผิวเมื่อต้องเผชิญแสงแดดจัดด้วยการกางร่ม ใส่แว่นกันแดด ใส่เสื้อคลุม เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดโอกาสการเกิดกระแดดได้ครับ