ทำความรู้จัก จุดด่างดำ
จุดด่างดำบนใบหน้า เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจ เพราะเมื่อผิวหนังเป็น รอยสีเข้มไม่สม่ำเสมอ หรือมีลักษณะเป็นรอยด่าง ๆ กระจายอยู่บนหน้า ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส โดยวิธีลดจุดด่างดำนั้นมีหลายทางเลือกครับ แต่จะเลือกแบบไหนดี ? รักษาอย่างไรให้เห็นผลและปลอดภัย ? หมอมีข้อมูลมาฝากครับ
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการดูแล สิ่งสำคัญคือการเข้าใจสาเหตุ และแยกประเภทของจุดด่างดำให้ชัดเจน เพื่อวางแผนทั้งการรักษา และป้องกันได้อย่างตรงจุด ให้ผิวของเรากลับมาเรียบเนียนกระจ่างใสอย่างมั่นใจอีกครั้งครับ
คลิกอ่านหัวข้อ จุดด่างดำ
จุดด่างดำ คืออะไร ? มีลักษณะอย่างไร ?
จุดด่างดำ คือ รอยคล้ำที่ปรากฏบนผิวหนัง ที่เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติในบางบริเวณ ทำให้บริเวณนั้นมีสีเข้มกว่าสีผิวโดยรอบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดดเป็นประจำ เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก จมูก
จุดด่างดำเหล่านี้มักส่งผลต่อความมั่นใจของหลายคน โดยเฉพาะเมื่อเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่เห็นได้ชัด และสามารถพบได้ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ครับ
จุดด่างดำโดยทั่วไปจะมีลักษณะดังนี้
- จุดด่างดำมีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ ตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อน เทา ไปจนถึงดำ
- รูปร่างไม่แน่นอน มักเป็นวงกลม วงรี
- อาจเกิดเป็นจุดเดี่ยว ๆ หรือกระจายเป็นด่าง ๆ ไปทั่วบริเวณ
- ผิวสัมผัสเรียบ ไม่มีอาการนูนหรือบวม
- เห็นได้ชัดเมื่อแสงตกกระทบบริเวณที่เป็นจุดด่างดำ
จุดด่างดำอาจดูเหมือนเพียงปัญหาผิวเล็ก ๆ แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจกลายเป็นจุดด่างดำฝังลึก ที่รักษาได้ยากขึ้น อาจส่งผลต่อความมั่นใจและทำให้ผิวดูหมองคล้ำได้อย่างชัดเจนครับ
จุดด่างดำบนใบหน้า เกิดจากอะไร ?
ปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้าเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ โดยเป็นผลมาจากการที่เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติในบางจุด ซึ่งสาเหตุการเกิดจุดด่างดำที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- รังสี UV จากแสงแดด รังสี UVA และ UVB จากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผิวโดนแดดเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน จึงเกิดเป็นสีผิวไม่สม่ำเสมอเป็นด่าง ๆ หรือมีรอยคล้ำแบบรอยด่างสีน้ำตาลขึ้นบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด
- ฮอร์โมนแปรปรวน โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงขึ้นสามารถกระตุ้นให้เม็ดสีทำงานผิดปกติ และเกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ บนใบหน้าได้
- รอยดำจากสิวหรือการอักเสบของผิว เมื่อสิวหายแล้ว ผิวที่เคยอักเสบอาจทิ้งรอยดำไว้ หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี รอยเหล่านี้อาจกลายเป็นจุดด่างดำฝังลึกที่จางลงได้ยาก
- พันธุกรรมและอายุที่มากขึ้น กรรมพันธุ์อาจส่งผลให้ผิวของบางคนอาจมีความไวต่อแดด หรือมีแนวโน้มเกิดจุดด่างดำได้ง่ายกว่าคนทั่วไปครับ อีกทั้งเมื่ออายุเพิ่มขึ้นการผลัดเซลล์ผิวจะทำงานช้าลง ทำให้จุดดําผิวหนังอยู่บนผิวได้นานขึ้น
- การใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคืองผิวหรือไม่เหมาะกับสภาพผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง น้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือครีมที่มีสเตียรอยด์ อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบเรื้อรัง และกระตุ้นให้เกิดสีผิวไม่สม่ำเสมอเป็นด่าง ๆ ตามมา
การเข้าใจถึงสาเหตุว่าจุดด่างดำบนใบหน้าเกิดจากอะไร ? ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ ก่อนเลือกวิธีดูแลหรือรักษา เพราะจะช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอเป็นด่าง ๆ ได้ตรงจุด และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำครับ
จุดด่างดำขึ้นบริเวณใดได้บ้าง ?
จุดด่างดำสามารถปรากฏได้ทั่วร่างกาย แต่จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในบริเวณที่ผิวหนังสัมผัสแสงแดดหรือเกิดการอักเสบบ่อย ๆ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนให้ความสำคัญ เพราะส่งผลต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจครับ
ตำแหน่งที่มักเกิดจุดด่างดำ
- ใบหน้า (โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม จมูก คาง และเหนือริมฝีปาก)
- ลำคอ
- หลังมือและแขน
- หน้าอกและแผ่นหลัง
การเกิดจุดด่างดำ มีกี่ประเภท ?
จุดด่างดำมีหลายลักษณะ ซึ่งเกิดได้จากสาเหตุที่หลากหลายครับ การจำแนกประเภทจุดด่างดำออกเป็นกลุ่ม จะช่วยให้เข้าใจลักษณะ สาเหตุ และแนวทางการดูแลที่เหมาะสมได้ชัดเจนมากขึ้น โดยสามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
1. ฝ้า (Melasma)
ฝ้า คือ จุดด่างดำชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นปื้น ขอบเขตไม่ชัด สีออกน้ำตาล เทา หรืออมม่วง พบได้บ่อยบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก และคาง
โดยมักเกิดจาก แสงแดด และความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาคุมกำเนิด โดยการฝ้ามักเกิดเรื้อรัง จางช้า และมีแนวโน้มกลับมาเป็นซ้ำ หากไม่ได้รับการป้องกันและดูแลอย่างเหมาะสม
2. กระ (Freckles)
กระ คือ จุดด่างดำที่มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ กลม ๆ สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม มักกระจายตัวเป็นจุด ไม่รวมเป็นปื้นเหมือนฝ้า พบได้บ่อยบริเวณโหนกแก้ม สันจมูก ไปจนถึงลำคอ โดยเฉพาะในคนที่ผิวขาวหรือไวต่อแสงแดด
กระมีหลายชนิด เช่น กระตื้น กระแดด และกระลึก ซึ่งแต่ละแบบมีระดับความลึกของเม็ดสีต่างกัน จึงต้องใช้วิธีดูแลหรือรักษาให้เหมาะกับลักษณะกระแต่ละประเภทครับ
3. จุดด่างดำหลังการอักเสบ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation – PIH)
จุดด่างดำชนิดนี้ มักเกิดตามหลังการอักเสบของผิว เช่น สิว ผื่น หรือรอยถลอก โดยเฉพาะในกรณีที่มีการแกะ แคะ หรือบีบสิวซ้ำ ๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้เม็ดสีทำงานมากขึ้น ทำให้เกิดจุดด่างดําบนใบหน้าหรือทำให้ผิวหนังเป็นจุดสีดำได้อย่างชัดเจน
ปัญหานี้ได้บ่อยในวัยรุ่นหรือผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง และสามารถฟื้นฟูให้จางลงได้ด้วยการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการทำหัตถการที่เหมาะสมครับ
7 วิธีลดจุดด่างดำบนใบหน้า ฟื้นฟูจุดด่างดำฝังลึก
1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ช่วยป้องกันจุดด่างดำ
การปกป้องผิวจากแสงแดด ถือเป็นหัวใจหลักในการลดการเกิดจุดด่างดำครับ การเลือกครีมกันแดดที่มี ค่า SPF และ ค่า PA สูง ๆ และทาซ้ำระหว่างวัน จะช่วยป้องกันรังสี UV ที่กระตุ้นเม็ดสีเมลานิน ลดโอกาสเกิด สีผิวไม่สม่ำเสมอเป็นด่าง ๆ และช่วยไม่ให้รอยจุดด่างดำเข้มขึ้นครับ
ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า
ยูวี เอ-บี-ซี ซันสกรีน ครีม
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream ค่า SPF40 PA+++ ช่วยปกป้องผิวได้ถึง 3 ขั้น ทั้ง UVA, UVB, แสงสีฟ้า และอินฟราเรด พร้อมสาร Soothing Cooling จากเกาหลี ช่วยปลอบประโลมผิวและลดอาการแสบแดงจากแสงแดด เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ ใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่าย เหมาะกับการป้องกันแสงแดดที่อาจก่อให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
2. ใช้สกินแคร์ ลดการเกิดเม็ดสี จุดด่างดำ
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ที่ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี หรือช่วยผลัดเซลล์ผิว ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยจัดการกับจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ โดยส่วนผสมในสกินแคร์ที่มีบทบาทในการช่วยลดเลือนจุดด่างดำ มีดังนี้
นอกจากการใช้สกินแคร์ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเพื่อจัดการกับจุดด่างดำแล้ว อย่าลืมดูแลเรื่องความชุ่มชื้นของผิวควบคู่กันด้วยนะครับ
เพราะหากผิวขาดน้ำ จะยิ่งทำให้ปัญหาหน้าโทรมดูชัดขึ้น และการฟื้นฟูผิวก็จะช้าลง การเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิว จึงเป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู แข็งแรง และกระจ่างใสได้ในระยะยาวครับ
เมราลิส เซรั่ม
Dr. V Square Melaris Serum
แนะนำ Dr. V Square Melaris Serum เซรั่มบำรุงผิวหน้าที่ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ พร้อมฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใสภายใน 7–14 วัน ด้วยส่วนผสมเข้มข้นอย่าง Tranexamic Acid, Niacinamide, Glutathione และ Vitamin C ปราศจากสาร Hydroquinone และสเตียรอยด์ ลดโอกาสเกิดความระคายเคือง เหมาะสำหรับใช้เป็นประจำเพื่อผิวเรียบเนียน กระจ่างใสอย่างปลอดภัยครับ
ไฮยา บูสท์ ครีม
Dr. V Square Hya-Boost Cream
Dr. V Square Hya-Boost Cream ครีมบำรุงผิวหน้าที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก พร้อมเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติ 7 ชนิดสูตรเฉพาะจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกับสารสกัดจากข้าวสาลี ช่วยคงความชุ่มชื้นยาวนานต่อเนื่อง 72 ชั่วโมง ลดการสูญเสียน้ำ ฟื้นฟูผิวแห้งให้กลับมาเนียนนุ่ม อิ่มน้ำ และใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวอักเสบ หรือเป็นสิวง่ายครับ
3. กินอาหารที่มีประโยชน์ ฟื้นฟูผิวจากภายใน
การเสริมสร้างสุขภาพผิวจากภายในสำคัญไม่แพ้การดูแลภายนอกครับ ควรเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C, วิตามิน E, Zinc และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักผลไม้หลากสี ถั่ว และธัญพืช
มีส่วนช่วยลดการอักเสบของผิว และชะลอการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป จึงช่วยให้จุดด่างดำบนใบหน้าค่อย ๆ จางลง พร้อมฟื้นฟูผิวให้ดูเรียบเนียน กระจ่างใสจากภายในครับ
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย
น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของเซลล์และร่างกาย การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำเสริมเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ลดการอักเสบ และช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วยให้จุดด่างดําตามร่างกายจางลง พร้อมฟื้นฟูให้ผิวดูเรียบเนียนและผิวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ
การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และขับของเสียออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพผิว โดยควรดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตร หรือคำนวณตามน้ำหนักตัวได้จากข้อมูลด้านล่างครับ
5. มาสก์หน้าลดจุดด่างดำ เผยผิวเนียนใส
การมาสก์หน้า เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำได้ครับ ควรเลือกใช้สูตรธรรมชาติอย่างแตงกวา มะขามเปียก หรือมะเขือเทศที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน หรือเลือกมาสก์ชีทที่มีส่วนผสมของ Vitamin C, Niacinamide, Arbutin หรือ Tranexamic Acid ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน และปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น
แนะนำให้มาสก์หน้าเป็นประจำประมาณ สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างต่อเนื่อง และก่อนมาสก์ทุกครั้งควรล้างหน้าให้สะอาด เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ครับ
ซอฟต์ คลีนซิ่ง มูส
Dr. V Square Soft Cleansing Mousse
Dr. V Square Soft Cleansing Mousse โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ฟองมูสนุ่มละเอียด ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจดโดยไม่ทำร้ายผิว พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสารสกัดจากข้าวสาลีและ Japanese Plum Extract จากญี่ปุ่น ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่ายครับ
6. การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling)
การลอกผิวด้วยสารเคมี เป็นวิธีที่ใช้กรดผลไม้หรือสารเคมีที่มีความเข้มข้นเหมาะสม ทาลงบนผิวเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ และมีเม็ดสีส่วนเกินหรือจุดด่างดำออก กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ แต่ควรระวังอาการแสบร้อนหรือผิวลอกชั่วคราว หากดูแลหลังทำไม่ดี อาจกระตุ้นให้เกิดจุดด่างดำเพิ่มขึ้นได้
7. หัตถการทางการแพทย์
ในกรณีที่มีจุดด่างดำ หรือ ฝ้า กระ จุดด่างดำที่ฝังลึก การทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์, เมโสหน้าใส หรือการฉีด Skin Booster จะช่วยแก้ไขปัญหาจุดด่างดำได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ปลอดภัย และเหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนครับ
- เมโสหน้าใส : เป็นการฉีดตัวยาที่ประกอบไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น วิตามิน A, B, C Transamin, Glutatione เข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดจุดด่างดำ พร้อมช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น
- มาเด้คอลลาเจน : สูตรเมโสหน้าใสที่เน้นการขับสารพิษตกค้างที่อยู่ในผิว ลดผิวอักเสบ ผื่นแพ้ ลดจุดด่างดํารอยสิว และช่วยฟื้นฟูสมดุลของผิว เหมาะกับผู้ที่มีผิวอ่อนแอ เป็นสิวง่าย
- Rejurun : การสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอน ช่วยซ่อมแซมผิวระดับเซลล์ ลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง พร้อมช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และให้ผิวดูเรียบเนียนสุขภาพดีขึ้น
- Filler Skin Booster : การฉีดสารไฮยาลูโรนิก แอซิดเข้าสู่ผิวหนัง เติมความชุ่มชื้นลึกถึงระดับเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ กระจ่างใส ลดปัญหาจุดด่างดำ และปรับสภาพผิวให้ฉ่ำวาวแบบเร่งด่วนได้ครับ
- PICO Laser : ใช้พลังงานเลเซอร์ระดับ Picosecond ทำให้เม็ดสีเมลานินแตกตัวเล็กมาก ร่างกายจึงกำจัดออกได้ง่าย เหมาะกับจุดด่างดำทุกรูปแบบ ทั้งรอยสิว ฝ้า กระ และรอยสัก
ข้อควรปฏิบัติป้องกันการเกิดจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
การป้องกันผิวไม่ให้เกิดจุดด่างดำ หรือเกิดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอเป็นด่าง ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผิวครับ เพราะการดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดจุดด่างดำ รอยด่างสีน้ำตาล และทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนกระจ่างใสได้ในระยะยาว
แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดจุดด่างดำ มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00–16.00 น.
- ทาครีมกันแดดทุกวัน เลือกสูตรที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ PA++ เพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB
- สวมหมวกปีกกว้าง ใส่แว่นกันแดด และเสื้อแขนยาวเมื่อต้องออกแดด เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิว
- หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา สิวหรือแผล เพราะอาจกระตุ้นการสร้างเม็ดสีจนกลายเป็นจุดด่างดำ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์หรือสารระคายเคือง
- รักษาสิวให้ถูกวิธี โดยไม่กดหรือบีบเอง เพื่อลดโอกาสเกิดรอยดำหลังหายจากสิว
- รับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินที่ช่วยบำรุงผิว เช่น วิตามิน C, E และสารต้านอนุมูลอิสระ
วิธีลดจุดด่างดําบนใบหน้าแบบธรรมชาติ ทำแล้วเห็นผลไหม ?
การใช้วิธีลดจุดด่างดําบนใบหน้าแบบธรรมชาติสามารถ เห็นผลได้ในระดับหนึ่งครับ โดยเฉพาะในกรณีที่จุดด่างดำยังไม่ลึกมาก แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจน
แต่หากเป็น จุดด่างดำฝังลึก หรือรอยดำที่เกิดจากการอักเสบรุนแรง และต้องการรักษาจุดด่างดําบนใบหน้าเร่งด่วน วิธีแบบธรรมชาติอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเสริมด้วยหัตถการทางการแพทย์ควบคู่กันครับ
ฟื้นฟูผิวจากจุดด่างดำด้วยวิธีไหน เห็นผลไวสุด ?
หากต้องการฟื้นฟูผิวจากจุดด่างดำให้เห็นผลไว การทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น PICO Laser, เมโสหน้าใส หรือฉีด Skin Booster ถือเป็นวิธีลดจุดด่างดําแบบเร่งด่วนครับ เหมาะกับผู้ที่มีจุดด่างดำฝังลึกหรือปัญหาผิวหมองเรื้อรัง เพราะสามารถช่วยลดเม็ดสีใต้ผิว กระตุ้นการผลัดเซลล์ และฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสได้ในเวลาอันรวดเร็วครับ
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อดูแลร่วมกับการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว ทั้งนี้ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อน เพื่อประเมินแนวทางที่เหมาะสมกับแต่ละคนครับ
จุดด่างดำ กับ รอยดำจากสิว ต่างกันอย่างไร ?
หลายคนอาจเข้าใจว่า “จุดด่างดำ” และ “รอยดำจากสิว” คือสิ่งเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วสองคำนี้มีความแตกต่างกันครับ
- จุดด่างดำ เป็นคำเรียกรวมของรอยคล้ำที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินมากผิดปกติ เช่น จากแสงแดด ฮอร์โมน พันธุกรรม หรืออายุที่เพิ่มขึ้น
- รอยดำจากสิว เป็นจุดด่างดำชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังการอักเสบของผิว โดยเฉพาะจากการกด บีบ หรือแกะสิว เมื่อแผลหายหรือตกสะเก็ด ร่างกายจะผลิตเม็ดสีบริเวณนั้นมากกว่าปกติ ทำให้เกิดรอยคล้ำที่เข้มกว่าผิวรอบข้างตามมา
รอยทั้งสองแบบมีลักษณะคล้ายกัน แต่สาเหตุการเกิดต่างกัน ทำให้วิธีการดูแลและการรักษามีความแตกต่างกันครับ
จุดด่างดำ หายเองได้ไหม ?
จุดด่างดำบางประเภท เช่น รอยดำจากสิว อาจค่อย ๆ จางลงเองได้เมื่อผิวฟื้นตัว แต่โดยทั่วไปมักใช้เวลานานเป็นเดือนหรือหลายปี โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นจุดด่างดำฝังลึกอย่างฝ้าหรือกระ มักไม่หายไปเอง
จำเป็นต้องดูแลด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสม ควบคู่ไปกับการทำหัตถการทางการแพทย์ เพื่อช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวให้เห็นผลชัดเจนขึ้นครับ
มีโอกาสกลับมาเกิดจุดด่างดำซ้ำอีกหรือไม่ ?
จุดด่างดำมีโอกาสเกิดซ้ำได้ครับ เมื่อไม่มีการป้องกันที่ดีและหากยังมีพฤติกรรมเดิม เช่น ไม่ใช้ครีมกันแดด สัมผัสแสงแดดเป็นประจำ ทำให้จุดด่างดำที่เคยจางแล้วอาจกลับมาเข้มขึ้นได้
ดังนั้นการป้องกันควบคู่กับการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้จุดด่างดำกลับมาเป็นซ้ำอีกครับ
สรุป จุดด่างดำบนใบหน้า สามารถดูแลได้!
การดูแลปัญหาจุดด่างดำไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจสาเหตุ เลือกวิธีการรักษาและป้องกันที่เหมาะสม การฟื้นฟูผิวให้ขาวกระจ่างใส ดูสุขภาพดีนั้นสามารถทำได้แน่นอนครับ
อย่าลืมว่า “การป้องกันสำคัญกว่าการรักษา” หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ และดูแลผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ แล้วปัญหาผิวหนังเป็นจุดสีดำจะไม่ใช่เรื่องกวนใจอีกต่อไปครับ
