หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว
หลายคนที่มีผิวหมองคล้ำไม่สดใส มักเจอปัญหาหน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาวสักทีไม่ว่าจะใช้สกินแคร์ตัวไหนก็ตาม ในบทความนี้หมอสรุปสาเหตุให้ครับ ว่าทำไมใช้ครีมอะไรก็ไม่ขาว ? หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาวมีวิธีแก้อย่างไร ? ควรเน้นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมแบบไหน เพื่อฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสขึ้นเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ทำลายผิว
คลิกอ่านหัวข้อ หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว
ทำไมหน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว
สำหรับปัญหาหน้าหมองคล้ำเกิดจากหลายปัจจัยครับ สาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว หมอขอสรุปดังนี้
- ใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสม
หน้าหมองคล้ำใช้อะไรก็ไม่ขาว มีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากการใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการใช้สกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน อย่างเรตินอล กับ AHA, BHA และ Vitamin C นอกจากนี้การใช้สกินแคร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องเดียวกันซ้ำหลายตัว ก็อาจทำให้ไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงครับ
- นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ / นอนไม่เป็นเวลา
แม้ว่าจะใช้สกินแคร์ที่ดีแค่ไหน แต่หากนอนหลับไม่เป็นเวลา นอนไม่เพียงพอ ก็ทำให้เกิดปัญหาหน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาวขึ้นครับ เพราะการนอนหลับเป็นการฟื้นฟูร่างกายจากภายใน เมื่อนอนน้อยย่อมทำให้หน้าไม่สดใส ผิวโทรม ใต้ตาคล้ำ
คลิกอ่านเพิ่มเติม : บอกลาหน้าโทรม หมองคล้ำ ด้วย 18 วิธีกู้ผิวโทรม คืนความสดใสให้ใบหน้า
- ไม่ทาครีมกันแดดปกป้องผิว หรือใช้ในปริมาณน้อยเกินไป
การไม่ทาครีมกันแดด หรือทากันแดดปริมาณน้อยเกินไป ล้วนส่งผลให้ผิวได้รับความเสียหายจากรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสี UV) โดยรังสีจากแสงแดดมีส่วนทำให้ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรมไวขึ้น ที่สำคัญยังเป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย และผิวไหม้แดดได้
- มีความเครียดสะสม
ความเครียดเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว ไม่เห็นผล เพราะเวลาเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่มีส่วนกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวครับ นอกจากทำให้ผิวไม่ใส หมองคล้ำแล้ว ยังเพิ่มโอกาสการเกิดสิว (Acne) ได้ง่ายขึ้นอีกเช่นกัน
- ขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
หากร่างกายขาดวิตามินอี หรือ วิตามินซี จะส่งผลทำให้ผิวไม่กระจ่างใส เกิดความหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาวขึ้นครับ เพราะร่างกายภายในไม่ได้รับวิตามินหรือสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอ
การดื่มน้ำน้อยเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว เพราะผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นในผิว นอกจากนี้ยังทำให้ผิวโทรม ไม่สดใส และง่ายต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ฮอร์โมนในร่างกายขาดความสมดุล
เมื่อฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) จะส่งผลต่อการผลิตเม็ดสีเมลานินครับ ทำให้มีภาวะเม็ดสีเพิ่มขึ้นผิดปกติ จนทำให้หน้าหมองคล้ำ และอาจเกิดฝ้า กระ เพิ่มได้ครับ
ผิวหน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว ควรเน้นส่วนผสมชนิดไหนในสกินแคร์
หากผิวหน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว ผิวไม่กระจ่างใสขึ้น หมออยากแนะนำให้ลองสังเกตสกินแคร์ที่ใช้ดูครับ ว่าแต่ละตัวที่ใช้มีส่วนผสมเหล่านี้ ที่ช่วยปรับผิวกระจ่างใสหรือไม่ ดังนี้
- Niacinamide (วิตามินบี 3) ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และรอยสิว พร้อมช่วยควบคุมความมันบนผิวไม่ให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป ปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยการเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยในชั้นผิวได้ครับ
- Vitamin C (วิตามินซี) มีลักษณะเป็นกรดอ่อน ๆ มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้ผิวหมองคล้ำที่ใช้อะไรก็ไม่ขาว แลดูกระจ่างใสขึ้นแบบธรรมชาติ พร้อมต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดจุดดำบนผิว (Hyperpigmentation)
- Alpha Arbutin สามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่มีส่วนกระตุ้นการผลิตเม็ดเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยปรับผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใสได้ และเหมาะกับผู้มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายเป็นพิเศษ
- AHA (Alpha Hydroxy Acid) / BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นกรดอ่อนที่มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิว พร้อมช่วยปรับสภาพผิวให้มีค่า PH เหมาะสม หน้าหมองคล้ำใช้อะไรก็ไม่ขาว การเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสม AHA / BHA สามารถช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้นได้ครับ
- Retinol (วิตามินเอ) มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ ให้เผยผิวใหม่อย่างเรียบเนียน นอกจากนี้ ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวครับ หน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอย ใช้อะไรดี การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมจากเรตินอล สามารถฟื้นฟูปัญหาผิวหมองคล้ำ และลดการเกิดริ้วรอยได้
- Licorice Extract (สารสกัดจากชะเอมเทศ) สามารถปกป้องผิวและซ่อมแซมผิวไม่ให้หมองคล้ำเพราะถูกรังสี UV จากแสงแดดทำร้าย พร้อมช่วยลดและต้านอาการผิวอักเสบ ในกลุ่มคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ใครที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ มีรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ สกินแคร์ที่มีส่วนผสม Licorice Extract สามารถลดเลือนรอยดำให้จางลงได้
หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว แก้ไขอย่างไร ?
ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยปรับผิวหมองคล้ำ
การใช้สกินแคร์สามารถช่วยปรับผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใสขึ้นได้ครับ บางคนที่หน้าหมองคล้ำใช้อะไรก็ไม่ขาว มีความเป็นไปได้ว่าอาจเลือกส่วนผสมสกินแคร์ที่ไม่ได้เน้นเรื่องความกระจ่างใส หรืออาจจะใช้สกินแคร์หลายตัวร่วมกันมากเกินไป จนไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง
โดยไม่ควรใช้สกินแคร์แก้ปัญหาผิวจุดเดียวกันซ้ำกันหลายตัว หมอแนะนำว่าเลือกแค่ 1 ตัว สำหรับการแก้ปัญหาผิวนั้น ๆ พอครับ สำหรับใครที่ใช้ครีมที่มีส่วนประกอบเรตินอล ก็ไม่ควรใช้ร่วมกันสกินแคร์ตัวอื่นที่มีส่วนประกอบจาก AHA, BHA และ Vitamin C เพราะอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองผิวได้
ตัวอย่างส่วนประกอบบนบรรจุภัณฑ์ ที่ควรใช้เมื่อมีผิวหน้าหมองคล้ำ : Niacinamide, Alpha Arbutin, Glycolic Acid, Lactic Acid, Citric Acid, Mandelic Acid, Tartaric Acid, Salicylic Acid, Licorice Extract ฯลฯ
Dr. V Square Melaris Serum
Dr. V Square Melaris Serum เซรั่มลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่มีเทคโนโลยี Niosomal ช่วยนำส่งสารสกัดเซรั่มให้รวมตัวกันเข้าชั้นผิวได้ขนาดนาโนเมตร จึงช่วยให้เนื้อเซรั่มซึมลึกเข้าผิวได้มากกว่า 332% สูตรนี้สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว โดยไม่ทำให้ผิวบางลง ผิวบอบบางแพ้ง่ายใช้ได้ ลดโอกาสเกิดการระคายเคือง
พร้อมผสานคุณค่าสาร Whitening Active เช่น Tranexamic Acid, Niacinamide, Arbutin, Glutathione, Vitamin C 3 อนุพันธ์ จึงมีส่วนช่วยลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย ได้อย่างตรงจุด เริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ขวดแรกที่ใช้
ทาครีมกันแดดปกป้องผิวเสมอ
นอกจากทาสกินแคร์บำรุงผิวฟื้นฟูผิวหมองคล้ำแล้ว ควรทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธี เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV และคลื่นรังสีในแสงแดด เช่น
- รังสี UVA1, UVA2
- รังสี UVB
- รังสี UVC
- แสงสีฟ้า (Blue light)
- รังสีอินฟราเรด (Infrared)
คลิกอ่านเพิ่มเติม : รังสี UVA และ UVB คืออะไร ? แตกต่างกันอย่างไร ?
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream
ครีมกันแดดทาหน้า Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream SPF40 PA+++ ปกป้องผิวได้ทุกคลื่นรังสี ครอบคลุมรังสี UVA1, UVA2, UVB, UVC, Blue light และ Infrared สามารถกันแดดได้ 3 กระบวนการ ป้องกันการสะท้อน การกระเจิง และการดูดซับ สารกันแดดที่ใช้มีความคงตัวสูง นำเข้าจากประเทศเยอรมัน เนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย แห้งซึมไว
ครีมกันแดด Dr. V Square สูตรนี้ สามารถใช้ทาปกป้องผิวไม่ให้หมองคล้ำได้ทุกสภาพผิว แม้มีผิวแพ้ง่ายบอบบาง มาพร้อมสารสกัด Soothing Cooling นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีส่วนช่วยปลอบประโลมผิว และลดอาการแสบผิวขณะออกแดด ที่สำคัญทาแล้วออกแดดได้ทันที ไม่ต้องรอนานครับ กันน้ำ กันเหงื่อได้นาน 4-6 ชั่วโมง สามารถทำซ้ำระหว่างวันได้โดยไม่อุดตันผิว
คลื่นรังสีต่าง ๆ จากแสงแดด เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวหมองคล้ำครับ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าแดด กระแดด จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย หน้าโทรม สิวอักเสบ ฯลฯ หน้าหมองคล้ำใช้ อะไรก็ไม่ขาว ทำให้หน้ายังโทรมอยู่ หมอแนะนำว่าให้ใส่ใจเรื่องการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA 3+ ขึ้นไปครับ
โดยควรทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธี ในปริมาณที่เหมาะสม หมั่นเติมกันแดดระหว่างวันควบคู่ไปกับการสวมใส่อุปกรณ์กันแดด เช่น เสื้อกัน UV แว่นตา ร่มกัน UV ฯลฯ จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหมองคล้ำขึ้นได้
อ่านบทความแนะนำเพิ่มเติม
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ / นอนให้เป็นเวลา
การนอนไม่เป็นเวลา หรือพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันหลายคืน เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าโทรมและมีผิวหมองคล้ำครับ เพราะในช่วงกลางคืนเป็นช่วงที่ร่างกายจะได้พักผ่อน และฟื้นฟูซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้น เมื่อนอนน้อยจึงทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ครับ ส่งผลให้ตอนตื่นนอนไม่สดใส บางรายอาจใต้ตาดำคล้ำ มีผิวหมองคล้ำเกิดขึ้น
ฉะนั้นแล้ว หมอแนะนำว่าควรเข้านอนให้ใกล้เคียงเวลาเดิมเป็นประจำ แม้ว่าจะเป็นวัดหยุดก็ตาม นอกจากนี้ ควรนอนพักผ่อนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง และงดการใช้หน้าจอก่อนเข้านอนอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้การนอนหลับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สครับหน้ากระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
สาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว มีความเป็นไปได้ว่าส่วนผสมจากสกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ไม่ดีพอครับ เพราะอาจมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วเกาะตัวบนผิวชั้นนอกเยอะเกินไป ซึ่งการสครับผิวสามารถช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกเร็วขึ้น ได้มากกว่าผิวปกติที่มีการผลัดเซลล์ผิวเองทุก 30 วัน
โดยการสครับผิวสามารถใช้สครับสำเร็จรูป หรือจะใช้สครับสูตรทำเองจากของใช้ในบ้านก็ได้ครับ แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรสครับผิวบ่อยเกิน 2-3 ครั้ง / สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวบาง มีผิวแห้ง และเกิดอาการระคายเคืองได้ครับ
ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มี Vitamin C และ Vitamin E จะช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ให้กลับมามีผิวสุขภาพดีได้ครับ
ตัวอย่างอาหารที่มีวิตามินเหล่านี้ ได้แก่
- Vitamin C พบมากในผัก และ ผลไม้ เช่น กีวี สตรอว์เบอร์รี มะละกอ ผักหวาน บรอกโคลี ผักคะน้า ถั่วลันเตา ดอกกะหล่ำ ฯลฯ
- Vitamin E พบมากในธัญพืช น้ำมันพืช ผลไม้ และผักใบเขียว เช่น น้ำมันทานตะวัน เฮเซลนัท ถั่วอัลมอนด์ มะเขือเทศ มะม่วง แก้วมังกรเนื้อชมพู
นอกจากทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ก็ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตามปริมาณน้ำหนักตัวด้วยเช่นกันครับ จะช่วยให้ผิวไม่ขาดน้ำ มีความชุ่มชื้น ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้สกินแคร์ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้ดียิ่งขึ้นได้
เลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่มวน หรือ พอตไฟฟ้า มีส่วนทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ หน้าโทรม และผิวแก่ก่อนวัยครับ เพราะสารในบุหรี่ เช่น นิโคติน ทาร์ ไฮโดรเจนออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ฯลฯ เป็นสารอันตรายที่ทำร้ายเซลล์ผิว และมีส่วนทำลายกระบวนการฟื้นฟูผิว
ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป จะมีผลต่อการทำงานของตับโดยตรง ทำให้ตับที่มีหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เมื่อตับทำงานหนักจะเกิดสารพิษสะสมครับ ทำให้ส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงทำให้ผิวโทรมหมองคล้ำ เพราะระบบหมุนเวียนเลือดไม่ดี
ทำหัตถการปรับผิวขาวใส
หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว เห็นผลช้าไม่ต้องการรอนาน การทำหัตถการสามารถช่วยลดความหมองคล้ำ และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ ซึ่งการทำหัตถการฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ จะเห็นผลไวกว่าการทาสกินแคร์บำรุงผิว เพราะตัวยาที่ใช้มีความเข้มข้นมากกว่า และสามารถส่งผ่านผิวได้โดยตรง
ตัวอย่างการทำหัตถการเพื่อฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส และมีผิวสุขภาพดีขึ้น เช่น
- เติมวิตามินผิว
- มาเด้คอลลาเจน
- เมโสหน้าใส
- Skin Booster เช่น Gouri, Rejuran, Sculptra, Exosome
- ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว
หน้าหมองคล้ำ ไม่มีราศี ใช้เวลาฟื้นฟูนานไหมกว่าหน้าจะขาว
ปัญหาหน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว หากฟื้นฟูด้วยการทาสกินแคร์บำรุงผิว แน่นอนครับว่าใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนขึ้นไปจึงจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง
โดยการฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใส ไม่โทรม ควรทาสกินแคร์บำรุงผิว และลงกันแดดปกป้องผิวในช่วงเช้าเสมอ ส่วนในตอนเย็นสามารถใช้สกินแคร์บำรุงผิวเพียงอย่างเดียวได้ ไม่ต้องทากันแดดตอนกลางคืนนะครับ เพราะเสี่ยงต่อการอุดตันผิว
ที่สำคัญการฟื้นฟูผิวหมองคล้ำจะใช้เวลานานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลตัวเองด้วยครับ หากทาสกินแคร์บำรุงและทากันแดดปกป้องผิว ควบคู่กับการดูแลตัวเองให้ดี เช่น นอนให้พอ นอนให้เป็นเวลา ออกกำลังกาย สครับผิว ทานอาหารดี ๆ จะช่วยให้กู้คืนผิวหมองคล้ำให้สวยสุขภาพดีได้ไวขึ้นครับ
ข้อควรระวังการใช้ครีมฟื้นฟูผิวหน้าหมองคล้ำ
แม้ว่าการใช้สกินแคร์บำรุงผิวสามารถใช้ช่วยฟื้นฟูผิว ให้กลับมากระจ่างใสได้ แต่ก็มีข้อควรระวังครับ โดยหมอสรุปข้อควรระวังเมื่อใช้ครีมฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ดังนี้
- ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้เสมอ เพราะสกินแคร์ตัวนั้นอาจไม่เหมาะกับผิวเราครับ โดยสามารถทดสอบได้ด้วยการทาครีมทิ้งไว้บริเวณใต้ท้องแขน เป็นเวลา 30 นาที จากนั้นเช็กดูว่ามีอาการระคายเคืองผิวหรือไม่
- เลี่ยงการใช้สารสกินแคร์ร่วมกัน ป้องกันการระคายเคือง เช่น หากครีมมีส่วนผสมเรตินอล (Retinal) ไม่ควรใช้ร่วมกับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมจาก AHA, BHA, Vitamin C และ Benzoyl Peroxide เพราะมีโอกาสเกิดการระคายเคืองสูง
- หลังทาสกินแคร์บำรุงผิวช่วงเช้า ต้องทากันแดดเสมอ โดยครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และคลื่นรังสีต่าง ๆ ในแสงแดด ช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาผิว ริ้วรอย ผิวไหม้แดด และยังไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำเพิ่มขึ้น หากทากันแดดอย่างถูกวิธี ในปริมาณที่เหมาะสม
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเมื่อมีปัญหาผิวเฉพาะที่ก่อนใช้ หากผิวมีความบอบบางแพ้ง่าย หรือมีปัญหาผิวเฉพาะที่ ก่อนใช้ครีมฟื้นฟูผิวหมองคล้ำตัวใหม่ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ เพื่อป้องการอาการแพ้ และการเกิดปัญหาผิวลุกลาม
สรุปเรื่องวิธีแก้หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว
สาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว เกิดขึ้นหลายปัจจัยครับ การใช้สกินแคร์ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้ได้ผล ควรทำควบคู่ไปกับการหมั่นทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ทากันแดดป้องกันรังสี UV ในปริมาณที่เหมาะสม และต้องดูแลตัวเองให้ดี ทั้งเรื่องอาหารการกิน การนอนหลับพักผ่อน ก็จะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นจากภายในสู่ภายนอกครับ