ครีมกันแดด SPF 30 คืออะไร ? อยู่ได้กี่ชั่วโมง ? ปกป้องผิวเพียงพอไหม ?

SPF 30 คือ

ครีมกันแดด SPF 30

ในการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 เป็นอย่างน้อย เพราะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ดีกว่ากันแดดที่มีค่า SPF น้อยกว่านี้ครับ

Sun Protection Factor SPF 30 คืออะไร ? ปกป้องผิวเพียงพอไหม ? อยู่ได้กี่ชั่วโมง ? แตกต่างกับกันแดด SPF 50 อย่างไร ? เลือกแบบไหนดีกว่ากัน ? หมอสรุปข้อมูลไว้ให้ในบทความนี้แล้วครับ

คลิกอ่านหัวข้อ SPF 30 คืออะไร


ครีมกันแดด SPF 30 คืออะไร ?

Sun Protection Factor 30 หรือ SPF 30 คือ ค่าวัดประสิทธิภาพครีมกันแดดว่าปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้มากกว่าผิวปกติที่ไม่ทาครีมกันแดดได้ 30 เท่า หรือประมาณ 96.7%

เช่น หากตากแดด 10 นาที แล้วผิวเริ่มแดงหรือรู้สึกแสบผิว ครีมกันแดด SPF 30 จะปกป้องผิวได้ประมาณ 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมง ซึ่งการทาครีมกันแดดค่า SPF 30 จะช่วยให้ผิวสู้แดดได้นานขึ้น และลดโอกาสการเกิดผิวไหม้แดดครับ

อ่านบทความแนะนำเพิ่มเติม


ครีมกันแดด SPF 30 พร้อมค่า PA แต่ละระดับ หมายถึงอะไร ?

ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 30 ที่จำหน่ายในตลาด มักจะมาพร้อมค่า PA หรือ ค่า PPD เพื่อบอกว่ากันแดดยี่ห้อนั้น ๆ ปกป้องผิวจากรังสี UVA / UVB ได้ระดับไหน

ซึ่งค่า SPF 30 ที่มาพร้อมค่า PA แต่ละระดับ มีความหมายดังนี้

เปรียบเทียบค่า SPF 30 ในผลิตภัณฑ์กันแดด

SPF 30 PA++

SPF 30 PA++ หมายถึง ค่าครีมกันแดดที่ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 30 เท่าจากผิวที่ไม่ทากันแดด และช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ระดับปานกลาง เทียบเท่าค่า PPD ระดับ 4-8

ซึ่งการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA++ ถือว่าไม่เพียงพอต่อการปกป้องผิวจากรังสี UVA ครับ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้กันแดดค่า SPF 30 PA++ ในชีวิตประจำวันที่ต้องออกนอกบ้าน แต่สามารถใช้ทาในวันที่อยู่แต่บ้านได้ครับ

SPF 30 PA+++

SPF 30 PA+++ หมายถึง ค่าครีมกันแดดที่ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 30 เท่าจากผิวที่ไม่ทากันแดด และช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA ในแสงแดดได้ระดับสูง เทียบเท่าค่า PPD ระดับ 8-16

สำหรับการปกป้องผิวจากแดดเมืองไทย การใช้ครีมกันแดดค่า SPF 30 PA+++ ถือว่าช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อย่างเพียงพอครับ เหมาะสำหรับการใช้ทาในชีวิตประจำวันทั่วไป

คลิกอ่านเพิ่มเติม : รังสี UVA และ UVB คืออะไร ? แตกต่างกันอย่างไร ?

SPF 30 PA++++

SPF 30 PA++++ หมายถึง ค่าครีมกันแดดที่ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 30 เท่าจากผิวที่ไม่ทากันแดด และช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ในระดับสูงสุด เทียบเท่าค่า PPD ระดับ 16 ขึ้นไป

ส่วนใหญ่การใช้ครีมกันแดด SPF 30 PA++++ จะเหมาะกับการทากันแดดปกป้องผิวกาย ที่จำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง

อ่านบทความแนะนำเพิ่มเติม


กันแดด SPF 30 อยู่ได้กี่ชั่วโมง ?

ครีมกันแดด SPF 30 อยู่ได้กี่ชั่วโมง ? ปกป้องผิวได้นานไหม ? จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนครับ เพราะผิวแต่ละคนทนทานต่อแสงแดดได้ไม่เหมือนกัน เช่น

  • คนผิวขาว อาจโดนแดดได้แค่ 10 นาที จากนั้นผิวก็เริ่มแดง
  • คนผิวสองสี อาจโดนแดดได้ 15 นาที จึงเริ่มมีอาการผิวไหม้แดด
  • คนผิวเข้ม อาจต้องโดนแดดนาน 30 นาที ผิวจึงเริ่มแดง และรู้สึกแสบผิว

ก่อนอื่นต้องทราบก่อนครับ ว่าผิวเราที่ไม่ทาครีมกันแดด สามารถโดนแดดได้กี่นาที ผิวจึงเริ่มแดงหรือรู้สึกแสบผิว

SPF30 กันแดดได้นานกี่ชั่วโมง

จากตัวอย่างข้างต้นพบว่า ผิวทนทานต่อแสงแดดได้ 10 นาที จากนั้นผิวจึงเริ่มแดงหรือมีอาการแสบผิว การจะรู้ว่า SPF 30 อยู่ได้นานแค่ไหน ให้แทนสูตรดังนี้

ค่า SPF 30 x ระยะเวลาทนทานต่อแสงแดด (10 นาที) = ระยะเวลาที่ครีมกันแดดปกป้องผิว (300 นาที)

ครีมกันแดดค่า SPF 30 จึงปกป้องผิวเราได้ 30 x 10 = 300 นาที หรือ ประมาณ 5 ชั่วโมง

ซึ่งวิธีการคำนวณข้างต้น จะเป็นการคำนวณคร่าว ๆ เท่านั้น SPF 30 จะปกป้องผิวได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนครับ


ครีมกันแดดค่า SPF 30 ปกป้องผิวพอไหม ?

การใช้ครีมกันแดดค่า SPF 30 เพียงพอกับการปกป้องรังสี UVB

SPF 30 ปกป้องผิวพอไหม
ปกป้องผิวจากแดดประเทศไทยด้วยกันแดดค่า SPF 30

อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดสำหรับแดดเมืองไทย ควรเลือกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA 3+ ขึ้นไปด้วย เช่น

  • SPF 30 PA+++
  • SPF 30 PA++++
  • SPF 40 PA+++
  • SPF 50 PA+++
  • SPF 50 PA++++
  • SPF 50+ PA+++
  • SPF 50+ PA++++

เพราะจะช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVA / UVB ได้อย่างครอบคลุม ทำให้ลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวหน้าหมองคล้ำ หน้าโทรม ผิวไหม้แดด ฝ้าแดด กระแดด สิวอุดตัน ริ้วรอยก่อนวัย ฯลฯ

ที่สำคัญการใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป จะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และโรคเกี่ยวกับดวงตาในระยะยาว ที่มีสาเหตุมาจากรังสีอัลตราไวโอเลตได้อีกเช่นกันครับ

ส่วนการใช้ครีมกันแดด SPF 50+ เช่น SPF 100 จะมีข้อควรระวังตรงที่ สารกันแดดมีความเข้มข้นสูง จึงจำเป็นต้องทดสอบการระคายเคืองก่อนใช้เสมอครับ

ครีมกันแดดทาหน้าป้องกัน UVA / UVB
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream SPF 40 PA+++

Dr. V Square กันแดดเกิน SPF 30

ครีมกันแดดทาหน้า Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream SPF 40 PA+++ ป้องกันรังสี UV ในแสงแดดได้ทุกคลื่นรังสี ครอบคลุม UVA 1, UVA 2, UVB, UVC, Blue light และ Infrared กันแดดได้ 3 กระบวนการในเนื้อครีมเดียว ลดการสะท้อน การกระเจิง และการดูดซับ ส่งผลให้ลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวในระยะยาวได้ เมื่อทาในปริมาณที่เหมาะสม

โดยครีมกันแดด Dr. V Square พัฒนาสูตรให้ใช้ได้กับทุกสภาพผิวครับ ผิวแพ้ง่ายบอบบางใช้ได้ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง มาพร้อมสารสกัด Soothing Cooling นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ช่วยปลอบประโลมผิว และลดอาการแสบผิว ไม่ทำให้ผิวแดงในขณะที่เผชิญแสงแดด


กันแดดค่า SPF 30 กับ SPF 50 เลือกใช้แบบไหนดี ?

หากต้องการปกป้องผิวจากรังสี UV สามารถใช้กันแดดค่า SPF 30 หรือ SPF 50 ได้ทั้งคู่เลยครับ ถือว่าเพียงพอกับการป้องกันรังสี UV จากแสงแดดเมืองไทยแล้ว และควรหลีกเลี่ยงการใช้กันแดดที่มีค่า SPF ต่ำกว่า 30 เช่น SPF 15

กันแดดค่า SPF 30 กับ SPF 50
สามารถใช้กันแดดปกป้องผิวได้ทั้ง SPF 30 และ SPF 50

การใช้กันแดด SPF 30 เหมาะกับการทาในชีวิตประจำวันทั่วไป เช่น ออกไปทำงาน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ ส่วนการใช้กันแดด SPF 50 จะเหมาะกับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง เช่น ไปทะเล หรือเล่นกีฬาครับ

อย่างไรก็ตาม หลังจากทากันแดด SPF 30 หรือ SPF 50 ช่วงเช้าก่อนออกจากบ้านแล้ว ยังจำเป็นต้องทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวันอยู่เสมอครับ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการปกป้องผิวให้ดียิ่งขึ้น

อ่านบทความแนะนำเพิ่มเติม


ครีมกันแดด SPF 30 กับ 50 ต่างกันอย่างไร ?

โดยทั่วไปแล้วครีมกันแดด SPF 30 กับ 50 ต่างกันแค่ตัวเลข และเปอร์เซ็นต์การปกป้องผิวครับ

  • ครีมกันแดด SPF 30 ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 96.7% หรือประมาณ 97%
  • ครีมกันแดด SPF 50 ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 98%

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ค่าเปอร์เซ็นต์การปกป้องที่ต่างกันเพียง 1%-1.3% ไม่ได้มีผลมากขนาดนั้นครับ เพราะอัตราการปกป้องที่เพิ่มมีความเฉื่อยมาก ๆ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 50


สรุปเรื่องกันแดดค่า SPF 30

ค่า SPF 30 คือ ค่าชี้วัดว่าครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวได้มากกว่าผิวที่ไม่ทากันแดด 30 เท่า สำหรับในชีวิตประจำวันทั่วไปที่ต้องออกไปทำงาน หรือทำกิจกรรมข้างนอกเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ การใช้กันแดดค่า SPF 30 ถือว่าเพียงพอกับการปกป้องผิวแล้วครับ

อย่างไรก็ตามควรหมั่นทากันแดดซ้ำระหว่างวันร่วมด้วย อย่างน้อยทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดด จะได้ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมั่นใจมากขึ้นครับ