รังสี UVA, UVB, UVC ต่างกันอย่างไร ? คลื่นรังสีไหนทำร้ายผิวมากที่สุด

รังสี UVA UVB UVC ต่างกันอย่างไร

UVA, UVB, UVC ต่างกันอย่างไร

ในแสงแดดประกอบไปด้วยคลื่นรังสีอัลตราไวเลต หรือ รังสี UV ครับ โดยรังสียูวีแบ่งออกเป็นรังสี UVA, UVB และ UVC ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา

บทความนี้หมอได้สรุปความแตกต่าง ว่ารังสี UVA, UVB, UVC ต่างกันอย่างไร ? คลื่นรังสีแต่ละแบบส่งผลกระทบต่อผิวอย่างไรบ้าง ? พร้อมวิธีปกป้องผิวจากคลื่นรังสี UV ครับ

คลิกอ่านหัวข้อ UVA, UVB, UVC ต่างกันอย่างไร


รังสี UVA คืออะไร ?

รังสี UVA คือ รังสีที่ทำให้เกิดปัญหาผิวก่อนวัยตามมาครับ โดยรังสีอัลตราไวโอเลตชนิดนี้ จะมีคลื่นความยาวสูงสุด ยาวประมาณ 320 – 400 นาโนเมตร

มักพบรังสี UVA ได้บ่อยมากกว่ารังสีประเภทอื่นถึง 75% แม้ว่าจะอยู่ในอาคารหรือในบ้าน หากนั่งใกล้บริเวณหน้าต่างที่เป็นกระจก รังสี UVA สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ได้ครับ

รังสียูวีเอจึงเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแก่ก่อนวัยตามมา เช่น ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ฯลฯ


รังสี UVB คืออะไร ?

รังสี UVB คือ รังสีในแสงแดดที่ทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้แดดครับ ยูวีบีมีคลื่นความยาว และพลังงานน้อยกว่ารังสี UVA โดยมีความยาวประมาณ 290 – 320 นาโนเมตร

ซึ่งรังสียูวีบีไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้ครับ แต่จะส่งผลทำให้ผิวไหม้แดด (Sunburn) ผิวแดง รู้สึกระคายเคืองผิว เมื่อเผชิญแสงแดดจัดติดต่อกันเป็นเวลานาน


รังสี UVC คืออะไร ?

รังสี UVC คือ คลื่นรังสียูวีที่ความสั้นน้อยที่สุด แค่ประมาณ 100-280 นาโนเมตร เท่านั้นครับ

ไม่สามารถทะลุผ่านวัตถุใด ๆ ได้ เพราะรังสียูวีซีทะลุผ่านบรรยากาศชั้นโซน (Ozone Layer) ไม่ได้ครับ

แม้ว่ารังสี UVC จะมีคลื่นความสั้นที่สุด แต่พลังงานกลับมีมากสุด จนสามารถทำลาย DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้ เช่น แบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อโรค ฯลฯ

ปัจจุบันจึงนิยมนำรังสี UVC มาใช้งาน เพื่อฆ่าเชื้อโรค กำจัดแบคทีเรีย ตามโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงสถานพยาบาลครับ


รังสี UVA, UVB, UVC ต่างกันอย่างไร ?

ความแตกต่างรังสี UVAรังสี UVBรังสี UVC
ความยาวคลื่นรังสี320 – 400 นาโนเมตร290 – 320 นาโนเมตร100-280 นาโนเมตร
การทะลุผ่านวัตถุxx
การลงลึกถึงชั้นผิวหนังผิวหนังแท้ (Dermis)ผิวหนังกำพร้า (Epidermis)x
ผลกระทบต่อผิว– ฝ้าแดด
– กระแดด
– จุดด่างดำ
– ริ้วรอยก่อนวัย
– ผิวหมองคล้ำ
– หน้าโทรม
– ตีนกา
– ผิวไหม้แดด
– ผิวแดง
– ระคายเคืองผิว
– ระคายเคืองผิว
– ดวงตา
*เกิดขึ้นเมื่อนำรังสี UVC มาใช้ไม่เหมาะสม

ตารางแสดงความแตกต่างรังสี UVA, UVB และ UVC

ความยาวคลื่นรังสี UV

  • รังสี UVA มีคลื่นยาวสูงสุด อยู่ที่ ​​320 – 400 นาโนเมตร
  • รังสี UVB มีคลื่นความยาวระดับกลาง อยู่ที่ 290 – 320 นาโนเมตร
  • รังสี UVC มีคลื่นความยาวสั้นสุด อยู่ที่ 100-280 นาโนเมตร

การทะลุผ่านวัตถุ

  • รังสี UVA ทะลุผ่านวัตถุที่เป็นกระจกได้ หากนั่งใกล้ริมหน้าต่างที่มีกระจก หรือมีกระจกอยู่ใกล้ ๆ รังสียูวีเอ สามารถสะท้อนมาที่วัตถุ จนทำให้รังสี UV สะท้อนกลับมาที่ผิวของเราครับ
  • รังสี UVB ไม่สามารถทะลุผ่านวัตถุใด ๆ ได้
  • รังสี UVC ไม่สามารถทะลุผ่านวัตถุได้ เพราะถูกชั้นโอโซนดักจับไว้ ทำให้รังสียูวีซีทะลุมายังโลกในระดับน้อยมาก จนถึงไม่ได้ครับ
ความแตกต่างรังสี UVA UVB UVC เรื่องการทะลุวัตถุ
รังสี UVA ทะลุผ่านกระจกได้ ส่วนรังสี UVB และ UVC ทะลุผ่านไม่ได้

การลงลึกถึงชั้นผิว

  • รังสี UVA ทำร้ายผิวได้ถึงชั้นผิวหนังแท้
  • รังสี UVB ทำร้ายผิวได้ถึงชั้นผิวหนังกำพร้า
  • รังสี UVC โดยธรรมชาติแล้วทำร้ายชั้นผิวไม่ได้ครับ แต่หากมีการประยุกต์ใช้รังสี UVC เพื่อฆ่าเชื้อ กำจัดเชื้อโรค แบบไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อดวงตา และรู้สึกระคายเคืองผิวชั้นบนสุดได้ครับ

ผลกระทบที่เกิดกับปัญหาผิว

  • รังสี UVA เป็นปัจจัยทำให้เกิดปัญหาผิวก่อนวัย เช่น ฝ้าแดด กระแดด จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ตีนกา หน้าโทรม ริ้วรอยก่อนวัยอันควร
  • รังสี UVB ส่งผลทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดด ผิวแดง รู้สึกระคายเคือง มีตั้งแต่ผิวไหม้ระดับเล็กน้อยไปจนถึงระดับรุนแรง
  • รังสี UVC หากนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม แสงไฟยูวีซีจะทำให้รู้สึกระคายเคืองผิว และส่งผลต่อดวงตาได้ครับ

ครีมกันแดดทาหน้า ปกป้องผิวได้ทุกคลื่นรังสี
Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream SPF 40 PA+++

กันแดดทาหน้าปกป้องผิวจากรังสี uva uvb uvc

ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า Dr. V Square UV ABC Sunscreen Cream มาพร้อมค่า SPF 40 PA+++ ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB, UVC, Blue light และ Infrared อย่างครอบคลุมทุกคลื่นรังสี สารกันแดดมีความคงตัวสูงนำเข้าจากประเทศเยอรมัน กันแดดได้ 3 ขั้นตอนในเนื้อเดียว ป้องกันการสะท้อน การกระเจิง และการดูดซับ เหมาะกับการใช้ทาในชีวิตประจำวันครับ

โดยครีมกันแดด Dr. V Square สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้ได้ พร้อมช่วยลดอาการเสบผิวหลังออกแดด เพราะมีสารสกัด Soothing Cooling นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ จึงช่วยลดโอกาสการเกิดผิวไหม้แดด เมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแสงแดดจัดครับ


เปรียบเทียบผลกระทบผิว เมื่อเผชิญรังสี UVA, UVB, UVC

ความแตกต่างการเข้าถึงชั้นผิวรังสี UVA UVB UVC
ความแตกต่างเมื่อรังสี UVA, UVB และ UVC เข้าถึงชั้นผิว

จะสังเกตเห็นได้ว่า รังสี UVA สามารถทำร้ายผิวหนังชั้นแท้ (Dermis) รังสี UVB ส่งผลกระทบถึงชั้นผิวหนังกำพร้า (Epidermis) ส่วนรังสี UVC โดยธรรมชาติแล้ว ไม่สามารถทำลุถึงชั้นผิวใด ๆ ได้ครับ

หมอได้สรุปความแตกต่างของรังสี UVA, UVB, UVC ที่ส่งผลกระทบต่อผิวดังนี้

  • รังสี UVA ส่งผลต่อปัญหาผิว (Aging) เช่น ฝ้าแดด กระแดด จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย
  • รังสี UVB ส่งผลให้ผิวไหม้ (Burning) ผิวแดง ระคายเคืองผิว
  • รังสี UVC ส่งผลให้ระคายเคืองผิวและดวงตา (เมื่อนำไปใช้ไม่เหมาะสม)

วิธีปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB, UVC แบบครอบคลุม

หมอขอแนะนำวิธีการปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB และ UVC ดังนี้ครับ

  • ทาครีมกันแดด SPF 30+ และมีค่า PA 3+ ขึ้นไป ที่ปกป้องผิวได้ทุกคลื่นรังสียูวี
  • สวมใส่อุปกรณ์กันแดดทุกครั้ง เมื่อเผชิญแสงแดดจัด เช่น เสื้อกันยูวี กางร่ม สวมหมวก
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดช่วงเวลา 09.00 น. – 16.00 น.
  • สวมใส่เสื้อผ้าปกป้องผิวให้มิดชิด เน้นใส่เสื้อที่มีเนื้อผ้าหนา และมีสีเข้ม
  • สวมใส่แว่นกันแดด เพื่อปกป้องผิวและดวงตา
  • ทาครีมกันแดดให้ถูกวิธี พร้อมเติมกันแดดซ้ำระหว่างวัน อย่างน้อยทุก 3-4 ชั่วโมง เมื่อจำเป็นต้องออกแดด

คลิกอ่านเพิ่มเติม : วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง สำหรับผิวหน้า – ผิวกาย ให้ผิวสวยห่างไกลจากแสงแดด


สรุปเรื่องความแตกต่าง UVA, UVB, UVC

  • รังสี UVA มีคลื่นความยาวสูงสุด สามารถทำร้ายได้ถึงชั้นผิวหนังแท้ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิว
  • รังสี UVB มีคลื่นความยาวระดับกลาง ทำร้ายผิวได้ถึงชั้นผิวหนังกำพร้า ส่งผลทำให้ผิวไหม้แดด เมื่อเผชิญแสงแดดจัดติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • รังสี UVC มีคลื่นความยาวสั้นสุด แต่มีพลังงานมากสุด นิยมนำมาประยุกต์ใช้เพื่อกำจัดเชื้อโรคในโรงงานอุตสาหกรรม และสถานพยาบาล แต่หากใช้อย่างไม่เหมาะสม จะส่งผลทำให้ระคายเคืองผิวและดวงตาได้ครับ

การปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB และ UVC ที่ง่ายที่สุด คือ การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ ค่า PA เหมาะสมก่อนออกจากบ้าน เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ปกป้องผิวได้ทุกคลื่นรังสี พร้อมเติมครีมกันแดดระหว่างวันก่อนเผชิญแสงแดดจัด หากทำควบคู่ไปกับการสวมใส่อุปกรณ์กันแดด จะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวตามมาได้ครับ